Monthly Archives: April 2009

แฮคเกอร์เจาะ Windows 7

รายงานข่าวล่าสุดอีกชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับ Windows 7 ซึ่งอาจจะเป็นข่าวที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากในงานประชุมเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัย Hack In The Box (HITB) ที่จัดขึ้นในดูไบเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ทีมวิจัยได้สาธิตการแฮคเข้าไปในระบบปฏิบัติการ Windows 7 ด้วยซอฟต์แวร์ที่พวกเขาพัฒนาขึ้น

ซอฟต์แวร์ดังกล่าวมีชื่อว่า VBootkit 2.0 พัฒนาโดย Vipin Kumar และ Nitin Kumar สามารถใช้ช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการ Windows 7 ผ่านเข้าไปควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ได้ในระหว่างที่กำลังบู๊ตเครื่อง ซึ่งการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ที่พบนี้จะไม่เหมือนกับวิธีทั่วไป เนื่องจากมันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ Windows 7 ไปเลยจนกว่าจะมีการเขียนทับ หรือติดตั้งโอเอสเข้าไปใหม่

ตัวอย่าง การแฮคเข้าไปในระบบของ Vista ด้วย vbootkit เวอร์ชันแรกที่สามารถทะลุทะลวงละเมิดสิทธิ์ปิดระบบรักษาความปลอดภัยบน เครื่องของเหยื่อได้

“ไม่มีทางแก้ไขได้ และมันก็แก้ไขไม่ได้ เนื่องจากเป็นปัญหาของการออกแบบ(windows7)” Vipin กล่าว อย่างไรก็ตาม การแฮคดังกล่าวจะไม่สามารถกระทำระยะไกลผ่านทางเครือข่ายได้ แฮคเกอร์ที่ใช้วิธีนี้จะต้องกระทำการที่เครื่องของเหยื่อเท่านั้น โปรแกรม VBootkit 2.0 มีขนาดแค่ 3 กิโลไบต์เท่านั้น โดยมันสามารถเปลี่ยนให้โหลดไฟล์ต่างๆ ตามที่ต้องการผ่านเข้าไปในหน่วยความจำระบบระหว่างที่มีการบู๊ต Windows 7 เนื่องจากมันไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆ บนฮาร์ดดิสก์ VBootkit 2.0 จึงถูกตรวจจับได้ยาก ดังนั้นการรีบู๊ตเครื่องก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้โปรแกรมอันตรายนี้โหลด โมดูลอื่นเข้าไปแทนโปรแกรมรักษาความปลอดภัยของเครื่อง เพื่อเปิดช่องให้แฮคเกอร์สามารถเข้าถึงจากบนเน็ต และทำการยกระดับสิทธิ์ในการเข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ ตลอดจนแก้ไขพาสเวิร์ด ค้นข้อมูล ตลอดจนแก้ไขพาสเวิร์ดเดิมให้กับผู้ใช้ โดยที่เหยื่อไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

สำหรับ VBootkit 2.0 เป็นเวอร์ชั่นสองของโปรแกรม โดยเวอร์ชั่นแรกได้นำออกสาธิตการเจาะระบบ Windows Vista เมื่อปี 2007 เพื่อเผยให้เห็นช่องโหว่ของระบบปฏิบัติการนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ทางไมโครซอฟท์ยังไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ ทั้งสิ้นต่อกรณีที่เกิดขึ้น

จาก Arip

Blender 2.49 RC1

Blender 2.49 ใกล้จะออกแล้วมีการปรับปรุงเรื่องต่าง ๆ ตามหัวข้อด้านล่าง

ดูรายละเอียดได้ตาม Link ด้านล่า

http://www.blender.org/development/current-projects/changes-since-248/

Oracle ซื้อ Sun

552000004773202ยักษ์ใหญ่ซอฟต์แวร์ธุรกิจอย่างออราเคิล (Oracle) ช็อกโลกไอทีด้วยการประกาศว่าพร้อมซื้อซันไมโครซิสเต็มส์ (Sun Microsystems) ด้วยราคา 7.4 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.59 แสนล้านบาท ผลที่เกิดขึ้นคือโปรแกรมภาษาจาวา (Java) ที่แฝงตัวอยู่ทั่วทุกแห่งในโลกไอทีนั้นจะต้องย้ายค่ายไปอยู่ใต้ชายคาออรา เคิลด้วย

ไม่เพียงออราเคิลจะเป็นเจ้าของภาษาจาวา ซึ่งอุปกรณ์พกพาทั่วโลกกว่า 1 พันล้านชนิดรองรับการทำงานอยู่ในขณะนี้ ออราเคิลจะได้ระบบปฏิบัติการ Solaris และซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล MySQL ไว้ในครอบครองด้วย

จริง อยู่ที่เพชรทั้ง 3 เม็ดนี้เป็นโอเพ่นซอร์สที่มีการแจกจ่ายฟรีอย่างแพร่หลายบนอินเทอร์เน็ต แต่ที่ผ่านมา ซันสามารถทำเงินจากการให้บริการแก้ไขและบำรุงรักษาระบบโอเพ่นซอร์สเหล่านี้ แก่องค์กรบริษัทอย่างเป็นกอบเป็นกำ จุดนี้ออราเคิลเชื่อว่า หลังการควบรวม ออราเคิลจะสามารถบริหารงานและทำเงินจากธุรกิจนี้ได้มากกว่าที่ซันเคยทำได้

สนนราคา 7.4 พันล้านเหรียญที่ออราเคิลจะได้ซันมาครอบครองนั้นคิดเป็นมูลค่าหุ้นเฉลี่ย 9.5 เหรียญต่อหุ้น สูงกว่าที่ไอบีเอ็มเคยเสนอไว้ 9.4 เหรียญ ออราเคิลแสดงว่าตัวเองเห็นความคุ้มค่าของซันด้วยการประกาศว่า จาวาคือซอฟต์แวร์ภาษาคอมพิวเตอร์ที่สำคัญที่สุดเมื่อเทียบกับซอฟต์แวร์ที่ออ ราเคิลเคยซื้อมา จุดนี้นักวิเคราะห์ช่วยตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ธุรกิจใหม่ของออราเคิลนาม Oracle Fusion Middleware ที่เติบโตอย่างรวดเร็วนั้นก็มีพื้นฐานบนจาวา ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆของซันอย่างระบบปฏิบัติการ Sun Solaris ก็เป็นแพลตฟอร์มหลักที่ออราเคิลสนับสนุนมาโดยตลอด

มูลค่าหุ้นของซันเพิ่มขึ้น 36.77 เปอร์เซ็นต์รับข่าวนี้ ปิดที่ 9.15 เหรียญสหรัฐ ขณะที่มูลค่าหุ้นของออราเคิลลดลง 1.26 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 18.82 เหรียญ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐฯ

แลรี่ เอลลิสัน (Larry Ellison) ซีอีโอออราเคิลกล่าวในแถลงการณ์ว่า การควบรวมกับซันครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมไอทีโลก ระบุว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการประสานกันระหว่างซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร ประสิทธิภาพเยี่ยมและระบบการคำนวณคุณภาพสูง

” ออราเคิลจะเป็นเพียงบริษัทเดียวที่สามารถวางระบบและแอปพลิเคชันครบวงจรเพื่อ การทำงานร่วมกันขององค์กรได้ในราคาที่ถูกลง แต่มีความเสถียร มั่นคงปลอดภัยมากขึ้น เชื่อว่า การซื้อซันจะทำให้บริษัทสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น 1.5 พันล้านเหรียญในช่วงปีแรก และจะเพิ่มเป็นตัวเลขเกิน 2 พันล้านเหรียญในปีต่อไป”

สอดคล้องกับ สก็อต แมคเนียลี (Scott McNealy) ประธานซันที่เรียกดีลนี้ว่า “การให้นิยามใหม่แก่อุตสาหกรรม” โดยขณะนี้ ทั้งซันและออราเคิลยังต้องรอมติอนุมัติจากผู้ถือหุ้นซันอย่างเป็นทางการอีก ครั้ง พร้อมกับการอนุมัติจากคณะกรรมการตรวจสอบหลักทรัพย์สหรัฐฯ ด้วย คาดว่าการควบรวมจะแล้วเสร็จภายในฤดูร้อน ปีนี้

นัก วิเคราะห์เชื่อว่าการซื้อซันจะทำให้ออราเคิลมีภาษีที่ดีขึ้นในธุรกิจ ฮาร์ดแวร์ เนื่องจากซันมีดีกรีเป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก แม้ว่าจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้ไอบีเอ็ม เอชพี และเดลล์อย่างต่อเนื่องก็ตาม ขณะเดียวกัน ออราเคิลจะได้รับส่วนแบ่งในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์มากขึ้น และสามารถให้บริการระบบแอปพลิเคชันแบบฝังรวมที่ครบวงจรได้ดียิ่งขึ้น ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ

ในส่วนของซัน นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าการถูกซื้อบริษัทจะทำให้ซันหายใจได้ทั่วท้องตาม ที่ต้องการ แต่จะยังมีความสับสนในอนาคตธุรกิจฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของซัน เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่าออราเคิลจะจัดการกับธุรกิจฮาร์ดแวร์ของซัน อย่างไรในยุคที่ซันมีแนวโน้มส่วนแบ่งตลาดลดลงต่อเนื่องเช่นนี้

ในส่วนอื่นๆ นักวิเคราะห์เชื่อว่าไอบีเอ็มจะหันกลับมาทบทวนกลยุทธ์ของตัวเองอีก ครั้งอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ การเจรจาซื้อขายบริษัทระหว่างซันและออราเคิลจะสร้างจุดสนใจให้กับคณะกรรมการ กำกับดูแลการค้ายุติธรรมสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ที่ออกมาแสดงความกังวลต่อข่าวลือว่าไอบีเอ็มจะซื้อซันซึ่งเกิด ขึ้นก่อนหน้านี้

ขณะนี้ ซันมีพนักงานทั่วโลก 33,500 คน ถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่า 12,000 คนซึ่งเป็นยอดพนักงานบริษัท PeopleSoft ที่ออราเคิลซื้อมารายล่าสุดด้วยเงิน 1.11 หมื่นล้านเหรียญเมื่อปี 2005 โดยขณะนี้ออราเคิลมีพนักงานราว 86,000 คนบนตัวเลขรายได้ปีงบการเงินล่าสุด 2.24 หมื่นล้านเหรียญ

จากผู้่จัดการ Online

Final Fantasy XIII (PS3) Demo

หลังจากผิดหวังกับเกม RPG ญี่ปุ่นที่สร้างลงเครื่องเกมยุคนี้กันไปเล็กน้อย จนเหมือนกับว่าเกมแนวนี้มันตกยุคไปแล้วหรือ? อย่างไรก็ตามปีนี้ยังมีเกม RPG ฟอร์มยักษ์ออกถึง 2 เกมพร้อมกันทั้ง “Dragon Quest IX” ที่จะออกเดือนกรกฎาคม(ถ้าไม่เลื่อนอีก) กับ “Final Fantasy XIII” ที่จะออกปลายปี และเพื่อกระตุ้นกระแส ทางสแควร์ เอนิกซ์ ก็ได้ฤกษ์ปล่อยแผ่น ” Final Fantasy XIII Demo” ที่แถมมากับแผ่นบลู-เรย์ ภาพยนตร์แอนิเมชัน “Final Fantasy VII Advent Children Complete” มาเสียที จึงไม่พลาดที่จะต้องเสาะหานำมารีวิว

552000004719901

ตัวเกมเริ่มต้นด้วย CG คุณภาพเยี่ยม ทั้งคุณภาพและการกำกับ ส่วนการออกแบบศิลป์ กับการออกแบบตัวละครยังคงความเป็น Final Fantasy อยู่อย่างครบถ้วน แต่ได้เพิ่มความเป็นสากลลงไปพอสมควร รายละเอียดของฉากเมื่อมาโลดแล่นอยู่บนหน้าจอ LCD แบบ Full HD นั้นทำได้เยี่ยมสมราคาคุย แม้ว่าทางทีมงานจะบอกว่าใน Demo นี้มันยังแสดงผลได้ไม่เต็มที่ก็ตาม ทั้งแสงเงาพื้นผิวทำได้สุดยอด อาจจะไม่ได้ละเอียดสมจริงนัก คงต้องเข้าใจก่อนว่ามันเป็นการออกแบบมันเป็นแนว Fantasy ส่วนอาการเฟรมเรตตกมีให้เห็นน้อยมาก โดยมุมมองในเกมยังคงเป็นมุมมองบุคคลที่ 3 ที่สามารถบังคับมุมกล้องได้ด้วยแกนแอนนาล็อกขวา แต่ในบางจุดตัวเกมก็ไม่สามารถปรับมุมกล้องได้เพื่อไม่ให้สับสน

ในแผ่นเดโมนี้เราจะได้เล่น 2 ส่วน โดยในช่วงแรกเราจะได้เล่นเป็น นางเอก Ligthning กับพี่หัวฟู Sazh Katzroy และช่วงหลังเราจะได้เล่นเป็นตัวเอก Snow กับกองกำลังต่อต้าน โดยในภาคนี้ เราจะเห็นตัวศัตรูบนฉากแบบเกมในตระกูลซาก้า และไม่มีค่า MP ส่วนระบบการเล่นยังคงเป็นเกม RPG แบบเทิร์นเบสแบบเรียลไทม์ที่ในฉากต่อสู้นั้นตัวละครไม่ได้มายืนเรียงแถวแล้ว เดินไปตี ตัวละครมีการเคลื่อนไหวตลอด และมีการหลบหลีกการโจมตีเหมือนเกมแอ็คชัน (ผู้เล่นบังคับตัวละครไม่ได้ แต่บังคับมุมกล้องได้)ทำให้การต่อสู้มีความสมจริงมาก และที่ประทับใจผู้เขียนมากก็คือ ระยะเวลาการตัดเข้าฉากต่อสู้ที่แทบจะไม่มีการโหลดเลย เรียกได้ว่าเป็นเกมแนวเทิร์นเบสที่มีการตัดเข้าฉากต่อสู้ได้เร็วที่สุดเท่า ที่เคยมีมาเลยทีเดียว

ส่วนการใส่คำสั่งแบ่งออกเป็นหลักๆคือ โจมตี ,มนต์ดำและขาว โดยผู้เล่นต้องเลือกคำสั่งที่ต้องการมาใส่ช่องคำสั่ง โดยช่องคำสั่งนั้นจะเป็นแถบยาวๆที่มีระยะเวลาเป็นตัวกำหนดการใส่คำสั่ง ยิ่งเราต้องการใส่คำสั่งเพื่อโจมตีเพื่อทำหลายคอมโบก็ต้องรอกันนานมากขึ้น ในเบื้องต้นนั้นใส่ได้เพียง 3 คอมโบ และเวทมนต์แรงๆเช่นไฟก้า จะไม่สามารถทำคอมโบได้เพราะต้องเสียช่องในการใส่ทั้งหมด โดยการใช้คาถาเพื่อกำจัดศัตรูจำนวนมากนั้นสามารถกะระยะได้จากการที่ศัตรูยืน รวมกลุ่มกันก็จะสามารถกำจัดศัตรูได้มาก และการเลือกจัดชุดคอมโบให้เข้ากับศัตรูและสถานการณ์นั้นๆจะส่งผลต่อความแรง ของการโจมตีด้วย โดยเฉพาะท่าคอมโบโดยอัดศัตรูไปกลางอากาศแล้วตามซ้ำที่สวยงามและรุนแรง และมีการต้านการโจมตีกันเหมือนที่เห็นในเกมแอ็คชันทั่วไป จากการคาดเดาเชื่อได้เลยว่า เกมตัวเต็มนั้นจะต้องมีการตั้งค่าทำคอมโบจะทำได้หลากหลาย ต่อเนื่องไม่แพ้เกมแอ็คชัน และมันต้องเป็นเกม RPG ที่มีความรวดเร็วลื่นไหลในการเล่นมากๆ

สำหรับแผ่น Demo นี้เราจะไม่สามารถตั้งค่าอะไรได้เลยเพราะไม่สามารถเข้าเมนูได้ และเราจะสามารถบังคับตัวละครในฉากต่อสู้ได้แค่คนเดียวเท่านั้น (ที่เหลือจะเป็น NPC) ส่งผลให้เราจะได้เรียนรู้ระบบเพียงแค่คร่าวๆเท่านั้น นอกจากนี้ตัวเกมยังค่อนข้างเป็นเส้นตรง ไม่มีอะไรซับซ้อน มีการเล่นสลับกับคัทซีนที่สวยงาม ประสานด้วยดนตรีประกอบที่ไพเราะ ตามแบบ Final Fantasy และที่สุดยอดคือ ตัวละครทุกคนมีเสียงพากย์ ไม่มีการคุยเป็น Text ให้เห็น หวังว่าตัวเต็มจะเป็นแบบนี้ไปตลอดเกม โดยรวมแล้วตัวเกมมีอะไรให้ลองน้อยไปหน่อย และใช้เวลาเล่นทั้งหมดประมาณ 45 นาที ดูจะสั้นไปนิด

สรุปแล้วคงจะวิจารณ์อะไรมากไม่ได้ในตอนนี้ เพราะที่ได้ลองเป็นเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นของเกมตัวเต็ม คงต้องรอให้เกมตัวเต็มออกในปลายปีนี้ ซึ่งถ้าทำแบบเดโมนี้ได้ตลอดทั้งเกม ทั้งการตัดโหลด ที่รวดเร็วสุดยอด ดนตรีที่สุดแสนไพเราะ , ระบบการต่อสู้ที่พัฒนาได้มากกว่านี้ทั้งการใส่คอมโบที่ต้องใส่ได้มากกว่านี้ (ซึ่งมันต้องมีแน่ๆ) รับรองว่าเกมนี้ได้คะแนนรีวิวเต็ม 10 จากหลายสำนักแน่นอน และแทบจะอดใจรอเกมตัวเต็มที่จะออกช่วงฤดูหนาวปลายปีนี้ไม่ไหวกันเลยทีเดียว แฟน Final Fantasy ห้ามพลาด

**ราคาแผ่นบลูเรย์ Final Fantasy VII Advent Children Complete ที่แถมแผ่น Demo Final Fantasy XIII อยู่ที่ประมาณ 2000-2300 บาท***

Darth.Vader (วงศกร ปฐมชัยวัฒน์)

จากผู้จัดการ Online

FUJITSU PRIMERGY TX 120

ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 ของฟูจิตสึ เป็นที่สุดในโลกถึงสามด้าน เล็ก เงียบและประหยัด ให้ความสะดวกกับธุรกิจได้โดยไม่ต้องพึ่งพาห้องเซิร์ฟเวอร์ที่แยกสัดส่วนโดย เฉพาะ
ฟูจิตสึ คอมพิวเตอร์ ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการโซลูชั่นเชิงกลยุทธ์แก่บริษัทชั้นนำของโลกมากมาย และพร้อมนำเสนอเทคโนโลยีอันทันสมัย ได้เปิดตัว ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 (PRIMERGY TX120) เซิร์ฟเวอร์แบบทาวเวอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุด เงียบที่สุด และใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดในโลก ซึ่งออกแบบมาเพื่อธุรกิจขนาดเล็กและโฮมออฟฟิศที่มักไม่มีการจัดสรรพื้นที่ใน บริษัทสำหรับดูแลเซิร์ฟเวอร์แยกต่างหากโดยเฉพาะ โดย ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 มาพร้อมกับฟังก์ชันต่างๆ ครบถ้วนเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในกลุ่ม ไพรเมอร์จี ที่ได้รับรางวัลมาก่อนหน้านี้มากมาย ขณะเดียวกันก็ใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยลง ปล่อยความร้อนและเสียงรบกวนน้อยกว่าเดิม ที่สำคัญยังประหยัดพลังงานมากกว่าด้วย

ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์สำหรับดูแลงานเฉพาะทาง กลายเป็นองค์ประกอบหนึ่งบนระบบไอทีที่พบเห็นได้ทั่วไป แม้กับในธุรกิจขนาดเล็ก ตั้งแต่สถาบันด้านสุขภาพ สำนักงานกฎหมาย โบรกเกอร์จัดการด้านการลงทุนและประกันภัย ฟรีแลนซ์ ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ไปจนถึงสำนักงานสาขาของบริษัทขนาดใหญ่ อย่างไรก็ดีมีบริษัทขนาดเล็กเหล่านี้จำนวนไม่มากที่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับ สร้างห้องเพื่อแยกจัดเก็บเซิร์ฟเวอร์และโครงสร้างพื้นฐานระบบไอที ทำให้บ่อยครั้งเซิร์ฟเวอร์เครื่องใหญ่ที่มีเสียงดังรบกวน จึงถูกตั้งห่างจากโต๊ะทำงานของพนักงานในบริษัทเพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้น ตรงกันข้ามกับการออกแบบของ ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 ที่มีขนาดเพียงหนึ่งในสามของเซิร์ฟเวอร์ทั่วไป ทำงานได้เงียบกว่า และไม่รบกวนบุคคลรอบข้าง ใช้พลังงานเพียง 163 วัตต์ ซึ่งทำให้ ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 กินไฟเทียบเท่ากับหลอดไฟในสำนักงานทั่วไปเท่านั้น

ขนาดที่เล็กกว่า: ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 กว้างเพียง 4 นิ้ว สูง 13 นิ้ว และยาวเพียง 16 นิ้วเท่านั้น

มีเสียงรบกวนน้อยกว่า: ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 มีเสียงรบกวนในระดับ 28 เดซิเบล ในขณะที่ไม่มีการประมวลผล และเพียง 31 เดซิเบลในระหว่างการทำงาน ซึ่งถือว่ามีเสียงรบกวนต่ำกว่าเซิร์ฟเวอร์มาตรฐานทั่วไปถึง 50 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว

ใช้พลังงานน้อยกว่า: ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 ที่มีการตั้งค่าให้ทำงานอย่างเต็มสมรรถนะ ใช้พลังงานน้อยกว่าเซิร์ฟเวอร์มาตรฐานทั่วไปถึง 35-40 เปอร์เซ็ต์ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,500 บาท) (1) ต่อปีต่อเซิร์ฟเวอร์ โดยการทำงานแบบเต็มที่ของ โพรเซสเซอร์ ดูอัล-คอร์ อินเทล ซีออน ยูพี (Dual-Core Intel Xeon UP) จะใช้พลังงานสูงสุดเพียง 163 วัตต์ เท่านั้น

ไพรเมอร์จี เซิร์ฟเวอร์ ทีเอ็กซ์ 120 มาพร้อมกับ ไพรเมอร์จี เซิร์ฟเวอร์วิว รีโมตแมเนจเมนต์ (PRIMERGY Server View Remote Management) ที่ทำให้การจัดการ ดูแลความปลอดภัยเซิร์ฟเวอร์เป็นเรื่องง่าย ประหยัด และทำได้จากสถานที่ใดเวลาใดก็ได้ สะดวกทั้งกับบริษัทขนาดเล็กที่พึ่งพาที่ปรึกษาในการดูแลบริหารเซิร์ฟเวอร์ ไปจนถึงสำนักงานสาขาของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีฝ่ายไอทีจากสำนักงานใหญ่เป็นผู้ ดูแลระบบ

“ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 ถือเป็นก้าวสำคัญในการตอบสนองความต้องการของธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งทางฟูจิตสึ เล็งเห็นว่าเป็นตลาดที่สำคัญและกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว” ริชาร์ด แม็คคอร์แมค รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดและเซิร์ฟเวอร์ ของ ฟูจิตสึ คอมพิวเตอร์ ซิสเต็มส์ กล่าวว่า “เครื่องไพรเมอร์จี เซิร์ฟเวอร์ ทีเอ็กซ์ 120 เป็นหนึ่งในผลงานของเราที่เกิดจากความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนอย่าง จริงจังทั่วทั้งองค์กรในทุกผลิตภัณฑ์ที่เรามีอยู่”

ข้อมูลทางเทคนิค:

  • โพ รเซสเซอร์ ดูอัล-คอร์ อินเทล ซีออน ยูพี พร้อมด้วยหน่วยความจำแบบเอสแอลซี (SLC – Single Level Cell) ขนาด 4 เมกะไบต์ และทำงานที่ความเร็วฟร้อนต์ไซด์บัส 1066 เมกะเฮิร์ตซ์ หรือโพรเซสเซอร์ อินเทล เซเลอรอน (Intel Celeron) (พร้อมวางจำหน่ายเดือนกันยายน 2550 นี้)
  • หน่วยความจำระบบแบบ DIMM จำนวน 4 แถว รองรับสูงสุดที่ 8 กิกะไบต์ พร้อมคุณสมบัติอีซีซี (ECC – error correction code)
  • 4 พอร์ตสำหรับควบคุมเอสเอเอส (SAS controller) พร้อมเรด (RAID) 0, 1 และ 1E
  • รองรับฮาร์ดดิสก์แบบเอสเอเอส (SAS – Serial Attached SCSI) ที่ถอดเปลี่ยนได้จำนวน 2 ลูก
  • มา พร้อมกับระบบควบคุมจัดการจากทางไกล (iRMC – Integrated Remote Management Controller) และชุดเสริมคุณสมบัติด้านการควบคุมชั้นสูง (iRMC Advanced Pack)
  • อีเธอร์เน็ตแบบ 1 กิกะบิตต่อวินาที พร้อมด้วยเซอร์วิสแลนสำหรับคุณสมบัติไออาร์เอ็มซี (Service LAN for iRMC)

ที่มา  : ARiP IT News

ไมโครซอฟท์หวังถล่ม VMware

ไมโครซอฟท์ ยักษ์ใหญ่ไอทีสัญชาติอเมริกัน ประกาศซื้อกิจการบริษัทเลือดใหม่นามคาลิสต้าเทคโนโลยีส์ (Calista Technologies) พร้อมๆกับการขยายความร่วมมือกับบริษัทซิทริกซ์ซิสเต็มส์ (Citrix Systems) สิ่งที่เกิดขึ้นถูกมองว่า ไมโครซอฟท์กำลังพยายามรุกตลาดซอฟต์แวร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์เสมือนหรือเวอร์ ชวลไลเซชันที่กำลังรุ่งเรืองสดใส ซึ่ง VMware ในฐานะผู้นำตลาดย่อมกลายเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งโดยปริยาย

นาตาลี นัมเบิร์ต นักวิเคราะห์ของฟอร์เรสเตอร์รีเสิร์ช คือหนึ่งในผู้ที่อ่านเกมความเคลื่อนไหวของไมโครซอฟท์ว่ากำลังพยายามเข้าสู่ ตลาดเวอร์ชวลไลเซชัน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้คอมพิวเตอร์เพียงหนึ่งตัวสามารถทำงานเป็น คอมพิวเตอร์เสมือนหลายๆเครื่องได้ ผลที่เกิดขึ้นคือคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นๆจะสามารถรันซอฟต์แวร์ได้หลายชนิด หลายระบบปฏิบัติการ โดยที่เจ้าของไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่หลายเครื่อง
ที่ผ่าน มา ไมโครซอฟท์ไม่เปิดเผยจำนวนเงินที่ซื้อบริษัทคาลิสต้า ระบุเพียงว่าเป็นบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุม คอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์เวอร์ชวลไลเซชันได้จากทางไกล ขณะที่ซิทริกซ์เป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชันนาม Hyper-V ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เขียนโปรแกรมที่ซิทริกซ์ร่วมมือกับไมโครซอฟท์เพื่อให้ผู้ ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Server 2008 สามารถรองรับผลิตภัณฑ์ XenServer ของซิทริกซ์ได้
” ความเคลื่อนไหวของไมโครซอฟท์แปลว่ากำลังให้ความสนใจธุรกิจเวอร์ชวลไลเซชัน อย่างจริงจัง ซึ่งเมื่อคิดถึงตลาดเวอร์ชวลไลเซชันก็ต้องคิดถึง VMware เชื่อว่า VMware คืออุปสรรค์ที่ไมโครซอฟท์มองว่าต้องข้ามไป”

ไม่ใช่เพียงไมโครซอฟท์ แต่ออราเคิลและซันล้วนมีท่าทีตีตื้น VMware ทั้งสิ้น จุดนี้นักวิเคราะห์เชื่อว่าสงครามเวอร์ชวลไลเซชันนั้นเพิ่งเริ่มต้น และทุกบริษัทจะมุ่งพัฒนาให้เทคโนโลยีของตัวเองสามารถใช้งานได้กับผลิตภัณฑ์ จากทุกค่าย ตั้งแต่ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยไปจนถึงไมโครชิป

หลัง จาก VMware ถูกอีเอ็มซีซื้อหุ้นส่วนใหญ่ไป มูลค่าหุ้นของบริษัทก็พุ่งขึ้นเกือบสามเท่าตัวเมื่อเทียบจากมูลค่าไอพีโอที่ เปิดตลาดครั้งแรก สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมีท่าทีเชื่อมั่น VMware มากแม้ในสถานการณ์แข่งขันที่ดุเดือดเช่นนี้

ที่มา  : ARiP IT News

Asus P565 : Review

เมื่อ มองย้อนกลับไปช่วงต้นปีหลายคนอาจจะคงเคยได้ยินข่าว เกี่ยวกับพีดีเอโฟนที่มีระบบประมวลผลไวที่สุดกันบ้างแล้ว สำหรับใครที่ยังไม่รู้ทางทีมงานจะบอกให้ทราบว่า พีดีเอโฟนรุ่น P565 ของค่ายอัสซุสที่ออกมาช่วงต้นปีต้อนรับปีฉลูนั้น ไวและแรงสมคำล่ำลือจริงๆ ด้วยซีพียูที่ให้ความเร็วถึง 800 MHz ทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างลื่นไหล และยังเป็นรุ่นแรกของอัสซุสที่มาพร้อมกับระบบนำทางอัจฉริยะ Garmin Mobile XT ทำให้ไม่ต้องกลัวหลงอีกต่อไป

Feature On Asus P565

Asus Today


หน้าจอแรกที่ต้องได้เห็นและสัมผัส คงหนีไม่พ้น “Asus Today” ที่เป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ทั้งเลือกดูและเปลี่ยนแปลงได้อย่างสะดวก ประกอบไปด้วย 6 แท็ปด้วยกันได้แก่ แท็ปแรกรูปนาฬิกา จะแสดงชื่อเครือข่าย, วัน-วันที่, เวลา และการตั้งปลุก ไล่จากบนลงล่างตามลำดับ แท็ปที่ 2 รูปเครื่องหมายตกใจ จะเป็นการแสดงเบอร์ที่ไม่ได้รับสาย, ข้อความ SMS, MMS และE-mail แท็ปที่ 3 รูปปฏิทิน จะแสดงบันทึกแจ้งเตือนการนัดหมายที่อยู่ในปฏิทิน

ถัดมาแท็ปที่ 4 รูปเมฆ จะแสดงผลการพยากรณ์สภาพอากาศได้ทั่วโลก ทั้งนี้ต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการเชื่อมต่อด้วย แท็ปที่ 5 เป็น ‘RSS’ แสดงรายการข้อมูลข่าวสารตามที่ได้กำหนดไว้ สุดท้ายแท็ปที่ 6 รูปตัวโน้ต จะแสดงโปรแกรมเครื่องเล่นเพลงที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า ‘EziMusic’ สามารถเข้าไปเล่นเพลงผ่านทางด้านนี้ได้เลย หรืออาจจะบอกว่าเป็นเส้นทางลัดเข้าสู่โปรแกรมเครื่องเล่นเพลงก็ว่าได้

MultiHome


นอกจากนี้ “Asus Today” ยังสามารถเลือกลักษณะการใช้งานได้ 3 รูปแบบด้วย กัน ได้แก่ Original, Business และLife ซึ่งสามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ โดยเลือกสัมผัสสัญลักษณ์ คล้ายๆแฟ้มกำลังเปิด ทางด้านมุมบนขวามือ จากนั้นก็เลื่อนเลือกลักษณะทั้ง 3 รูปแบบได้ด้วยการกดปุ่มควบคุมไปทาง ซ้าย-ขวา หรือจะลากเส้นเป็นแนวนอนบนหน้าจอด้วยปากกาสไตลัส

AnyTime Launcher

ฟีเจอร์ถัดมาคือ “AnyTime Launcher” ซึ่งเป็นโปรแกรมเสริมที่ช่วยให้สามารถเรียกใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ, จัดการงาน และเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าได้ง่ายขึ้น เลือกใช้งานได้โดยการกดปุ่มทางลัดที่ติดตั้งมาให้อยู่เหนือปุ่มโทรออก เครื่องก็จะรันโปรแกรม “AnyTime Launcher” ขึ้นมา ซึ่งแสดงรายชื่อหมวดหมู่ฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ประกอบไปด้วย 7 หมวดหลักด้วยกันได้แก่ 1. Recent Programs เป็นการแสดงรายชื่อโปรแกรมที่เปิดใช้งานล่าสุด 2. Favorite Programs เป็นการแสดงแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อย ซึ่งสามารถเลือกเพิ่มได้ตามความต้องการของผู้ใช้

ถัดมา 3. Favorite Contacts เป็นการแสดงรายชื่อผู้ติดต่อ ที่ผู้ใช้เพิ่มเข้าไปเพื่อให้สามารถใช้งานได้สะดวกที่สุด 4. Message Center เป็นศูนย์รวมการบันทึกต่างๆ ทั้งสายที่ไม่ได้รับ, ข้อความ SMS, ข้อความ MMS และE-mail 5. Internet เป็นศูนย์รวมข้อมูลของการเรียกใช้แอปพลิเคชันอินเทอร์เน็ตต่างๆ ได้แก่ เรียกดูบราวเซอร์ Internet Explorer, บุ๊กมาร์ค, ประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ต(Browse History), โปรแกรมสนทนา Messenger, Share pictures, Share videos, Streaming Player และNewsStation

6. Multimedia ศูนย์รวมความบันเทิงทั้งหมดที่มีอยู่ในเครื่อง ได้แก่ โปรแกรม EziPhoto, โปรแกรม EziMusic, กล้องถ่ายภาพ (Camera) และกล้องวิดีโอ (Camcorder) สุดท้าย 7.My Settings เป็นการการตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ได้แก่ รูปแบบ(Profile), Task Manager สำหรับจัดการโปรแกรม, Flight mode, การตั้งปลุก(Alarm), เสียงเรียกเข้า(Ring Tone), การตั้งค่าธีม(Theme) และการตั้งค่าล็อกใช้งาน(Device Lock)

การใช้งานโทรศัพท์ผ่านทางหน้าจอสัมผัสสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก กล่าวคือ มีปุ่มกดตัวเลขขนาดใหญ่ หน้าจอขณะใช้งานมีเมนูให้เลือก 6 รูปแบบด้วยกันคือ เปิดลำโพง, ปิดเสียง, พักสาย, จดโน้ต, ดูรายชื่อผู้ติดต่อ และประวัติการโทรทั้งหมด

ส่วนการเชื่อมต่อต่างๆสามารถตอบสนองได้อย่างครบครัน เริ่มจากระบบ 3G ผ่านกล้อง Video Call ส่วนการใช้งานผ่าน HSDPA ต้องรอในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งตอนนี้ให้ใช้ EDGE/GPRS และไวเลส ไปพลางๆก่อน นอกจากนี้ ยังมีบลูทูธ 2.0 และระบบ GPS ที่ทางอัสซุสได้ลิขสิทธิ์แผนที่จาก Garmin

Camera


“กล้อง”ที่ให้มากับ ‘Asus P565′ มีความละเอียด 3 ล้านพิกเซลแบบออโต้โฟกัส แต่ไม่มีแฟลชมาให้ โหมดการถ่ายภาพประกอบไปด้วย พาโนรามา, ถ่ายภาพแบบบันทึกพิกัด GPS, ถ่ายแบบใส่ธีมให้กับรูปภาพ, วิดีโอ, ภาพนิ่ง, MMSวิดีโอ และMMSภาพนิ่ง

ในส่วนของ‘เมนูภาพนิ่ง’ ประกอบไปด้วย ซีน (ออโต้, กลางคืน และกีฬา) การถ่ายภาพโหมดมาโคร การตั้งเวลาถ่าย(5 กับ10 วินาที) ถ่ายภาพต่อเนื่อง (4 กับ 9 ช็อต) ความละเอียดของภาพ (2048 z 1536, 1600 x 1200, 1024 x 768 และ640 x 480 พิกเซล) ส่วนการตั้งค่าระดับสูง ได้แก่ สมดุลสีขาว (Auto, Sunny, Cloudy, Incandescence และFluorescent) เอฟเฟกต์ (Normal, Black-White, Negative และSepia), คุณภาพของภาพ, รูปแบบไฟล์ภาพ, เสียงชัเตอร์ ปรับความคมชัดได้ 7 ระดับ ฯลฯ

ส่วนการถ่าย“วิดีโอ”มี โหมดที่ประกอบด้วย ขนาดของวิดีโอ (320 x 240 , 160 x 120 และ80 x 60 พิกเซล) การปรับแต่งคล้ายกับการบันทึกภาพนิ่ง การตั้งค่าระดับสูง ได้แก่ มีให้เลือกรูปแบบนามสกุลไฟล์ที่ต้องการบันทึก คือ MPEG4 หรือ 3gp ตั้งคำนำหน้าไฟล์ที่บันทึก และการตั้งค่าว่าจะให้บันทึกเสียงลงไปพร้อมกับวิดีโอด้วยหรือไม่

Program And Setting

ในส่วนของโปรแกรม ทีมงานขอแนะนำที่น่าสนใจนอกเหนือจากโปรแกรมมาตรฐานของวินโดวส์ โมบายล์ในเครื่องรุ่นนี้ ได้แก่ Call Filter, Garmin Mobile XT, EziPhoto และEziMusic ซึ่งรายละเอียดต่างๆมีดังต่อไปนี้

Call Filter

เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับกรองรายชื่อและข้อความว่า จะให้รับหรือปฏิเสธรายชื่อ-ข้อความที่กำลังจะติดต่อเข้ามา ยกตัวอย่าง หากต้องการให้คนที่เราไม่อยากจะติดต่อด้วยมาติดต่อกับเราอีก ก็สามารถทำได้ง่ายๆโดยเลือกกล่องหน้าคำว่า ‘Enable’ จากนั้นเลือก ‘Reject List’ ช่องถัดมาเลือกหมายเลขโทรศัพท์ที่ต้องการจะปฏิเสธหากติดต่อเข้าามา ซึ่งสามารถดึงหมายเลขได้จากรายชื่อในสมุดโทรศัพท์ได้เลย เท่านี้บุคคลดังกล่าวก็ไม่สามารถติดต่อเราได้แล้ว

Garmin Mobile XT

โปรแกรมแผนที่ลิขสิทธ์ของค่าย ‘Garmin’ เมื่อกดเข้าที่ตัวโปรแกรมจะพบแถบแสดงระดับสัญญาณ GPS อยู่มุมซ้ายบน ถัดมาด้านล่างมี 2 โหมดหลักให้เลือกใช้งาน คือ 1. ค้นหาตำแหน่ง ใช้สำหรับหาตำแหน่งต่างๆโดยมีให้เลือกหมวดย่อยดังต่อไปนี้ บ้าน, ที่อยู่, จุดน่าสนใจ, ที่พบล่าสุด, Contacts, ตำแหน่งที่ใช้ประจำ, พิเศษ, เมือง, ค้นหาแยก, ภาพถ่ายพาโนรามา, Location Messages และค่าพิกัด 2. ดูแผนที่ ใช้สำหรับดูว่าขณะนี้เราอยู่ตรงจุดไหนบนแผนที่ โดยเครื่องจะค้นหาพิกัดปัจจุบันสักพักนึงเมื่อกดเข้ามาใช้โหมดนี้ และสามารถใช้ในการนำทางได้ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 โหมดการใช้งานเสริมทางด้านขวาคอยอำนวยความสะดวกให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น คือ 1. Garmin Online ประกอบไปด้วย สภาพอากาศ ภาพถ่าย Panoramio และสถานะสมาชิกภาพ 2. เครื่องมือ ประกอบไปด้วย ตั้งค่า, Location Messages, รายการเส้นทาง, แผนที่, ฉันอยู่ไหน, จัดการข้อมูลส่วนตัว, สถิติการเดินทาง, จำลองเส้นทาง และรูปภาพของฉัน

EziPhoto


โปรแกรมใช้สำหรับดูรูปภาพที่ อยู่ภายในเครื่องทั้งหมด หากอยากรู้ว่ารูปภาพนั้นถ่ายภาพมาวันไหน สามารถเลือกดูได้ในรูปแบบของปฏิทิน การใช้งานควบคุมผ่านทางหน้าจอสัมผัส กล่าวคือ ลากผ่านหน้าจอซ้าย-ขวา เมื่อต้องการเลื่อนดูภาพ ลากผ่านหน้าจอในแนวทแยงมุม เมื่อต้องการขยายภาพ ลากโค้งเป็นวงกลม เมื่อต้องการหมุนรูปภาพ นอกจากนี้ ยังสามารถแสดงรูปภาพในรูปแบบสไลด์โชว์ ที่มีลูกเล่นการใช้งานเหมือนกับโปรแกรมสไลด์โชว์ทั่วๆไป คือ มีเอฟเฟกต์ กำหนดเวลาได้ และใส่เพลงประกอบ

EziMusic


โปรแกรมเครื่องเล่นเพลง ซึ่งสามารถเข้าสู่ตัวโปรแกรมได้หลายทางดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น เมื่อกดเข้าสูโปรแกรมจะเข้าสู่หน้า ‘Library’ ที่มีไอคอนฟังก์ชันสวยๆชวนให้เลือกใช้งาน ได้แก่ All, Artist, Album, Genre, Playlists และ Protected โดยก่อนจะเลือกใช้งานให้กดที่ ‘Update’ เพื่อให้โปรแกรมอัปเดตเพลงที่ใส่เพิ่มเข้ามาใหม่ก่อน ส่วนโหมดการเล่นมีให้เลือกใช้ ได้แก่ เล่นแบบสุ่มรายชื่อ, เล่นแบบวนซ้ำ หรือจะเปิดใช้พร้อมทั้ง 2 แบบก็ทำได้ การตั้งค่ามีให้เลือกใช้ 2 อย่าง คือ หยุดเล่นเพลงเมื่อเข้าไปใช้โปรแกรมอื่นๆ กับเล่นเพลงต่อเนื่องหลังจากวางสายการสนทนา ซึ่งเลือกใช้งานได้โดยการเลือกกล่องหน้าข้อความ

หลังจากดูโปรแกรมที่ให้มากันเต็มอิ่มแล้ว คราวนี้ลองไปดูส่วนของการตั้งค่ากันบ้าง ที่เห็นน่าสนใจจากการตั้งค่าบนวินโดวส์ โมบายล์ทั่วไป ได้แก่ CPU Mode เป็นฟังก์ชันการตั้งค่า การทำงานของหน่วยประมวลผลให้ตรงกับการใช้งานของผู้ใช้มากที่สุด โดยมีให้เลือกใช้ทั้งหมด 4 โหมด ได้แก่ Automatic Mode, Turbo Mode, Standard Modeและ Power Saving Mode, ASUS Today เป็นการตั้งค่าเวลาหลัก และเวลารองสำหรับไปเยือนต่างแดน และ Theme Manager ที่มีลูกเล่นธีมมาให้เลือกใช้ 4 แบบ ได้แก่ ASUS Easy Life, ASUS Stardust Silver, ASUS Nice day และPersonalized Theme

มาดูกันในส่วนของรายละเอียดเครื่องรุ่นนี้กัน เริ่มจากเครื่องรุ่นนี้ใช้ Windows Mobile 6.1 Professional build 19965.1.2.3 ROM เวอร์ชัน 6.2.0S.WWE00 ส่วนซีพียูจะเป็น Marvell Tavor PXA930 800 MHz Ram ขนาด 128 MB Rom ขนาด 256MB

Design of Asus P565

Asus P565 ถูกดีไซน์ออกมาให้มีรูปทรงแบบทื่อๆ แต่แอบซ่อนความหรูหราไว้ให้เห็นด้วยการใช้วัสดุหนังบุทางด้านหลังเครื่อง เพื่อบ่งบอกถึงความทันสมัยในแบบเรียบๆ ตัวเครื่องมีขนาด 102 x 60.5 x 16 ม.ม. น้ำหนัก 120 กรัม เมื่อลองสัมผัสสามารถจับถือได้เหมาะมือ ถึงแม้ตัวเครื่องจะดูอ้วนท้วมนิดๆ แต่น้ำหนักไม่ได้หนักตามลักษณะรูปทรงที่เห็นแต่อย่างใด

ด้านหน้า : ไล่จากด้านบนจะพบลำโพงสนทนาวางอยู่ตรงกึ่งกลางเครื่อง ใกล้กันทางด้านซ้ายเป็นเลนส์กล้องทางด้านหน้า สำหรับใช้ ‘Video Call’ ถัดมาซ้ายสุดเป็นไฟกระพริบแบบ ‘LED’ ซึ่งจะกระพริบเป็นสีต่างๆตามสถานะการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ สีเขียว : ชาร์จไฟเข้าโทรศัพท์เต็มแล้ว, สีเขียวกระพริบ : ตรวจพบเครือข่าย, แดง : กำลังชาร์จโทรศัพท์, แดงกระพริบ : แจ้งเตือนเหตุการณ์, น้ำเงินกระพริบ : บลูทูธ, WiFi หรือGPS ทำงาน ถัดลงมาเป็นพื้นที่ของจอแสดงผล TFT-LCD 65,536 สีแบบสัมผัส ขนาด 2.8 นิ้ว(480 x 640 พิกเซล)

ใต้จอแสดงผลจะพบโลโก้ “ASUS” สีเงินวางพาดอยู่กึ่งกลางตัวเครื่อง ถัดลงมาเป็นปุ่มควบคุม ประกอบไปด้วย ฝั่งซ้ายมีปุ่มลัด AnyTime Launcher สำหรับเรียกแอปพลิเคชัน AnyTime Launcher กับปุ่มโทรออก ตรงกลางเป็นปุ่มควบคุม 5 ทิศทาง ฝั่งขวามีปุ่ม OK กับปุ่มวางสาย

ด้านหลัง : พลิกตัวเครื่องมาทางด้านหลังจะพบกับเลนส์กล้องอยู่ทางด้านขวาเหนือฝาหลัง ซึ่งมีความละเอียด 3 ล้านพิกเซลออโต้โฟกัส ถัดลงมาเล็กน้อยเป็นแถบช่องลำโพงสำหรับขับเสียงเมื่อเปิดใช้งานสื่อเสียง ต่างๆ ถัดลงมาเป็นส่วนของฝาหลังที่แอบซ่อนความหรูหราอย่างที่เกริ่นไปแล้วข้างต้น ด้วยการบุหนังลายสีดำ

เมื่อเปิดฝาหลังออก จะพบกับช่องวางแบตเตอรี่ชนิด Li-Ion 1,300 mAh หากถอดแบตออกเหนือช่องวางแบตฯจะพบกับช่องช่องเสียบซิมการ์ดอยู่ทางด้านบน ส่วนด้านล่างเป็นช่องเสียบการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ถูกออกแบบในลักษณะวางซ้อนกัน

ด้านขวา : ไล่จากด้านบนสุดเป็นปากกาสไตลัส ถัดมาเป็นปุ่มล็อกการใช้งานของเครื่อง สามารถกดเปิด-ปิดได้โดยการเลื่อนปุ่มขึ้น-ลง ส่วนล่างสุดเป็นปุ่มเมนูลัดสำหรับเข้าโหมดถ่ายรูป รวมถึงใช้เป็นปุ่มชัตเตอร์ด้วย

ด้านซ้าย : ด้านบนเป็นพอร์ตเสาอากาศ GPS เพื่อให้สามารถรับสัญญาณได้ดีขึ้นมีฝาพลาสติกหุ้มปิดมิดชิด ถัดลงมาเป็นปุ่มปรับระดับเพิ่ม-ลดเสียง


ด้านบน และด้านล่าง : ด้านบนมีเพียงปุ่ม “Power” เท่านั้น(กดค้างเพื่อเปิด-ปิดเครื่อง) ส่วนด้านล่างมีช่องเสียบอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งสายชาร์จแบตเตอรี่ และชุดหูฟัง ซึ่งใช้ร่วมกันที่ช่องนี้เพียงช่องเดียวในแบบ mini USB ใกล้กันเป็นรูสำหรับกด ‘reset’ เครื่อง เหนือเล็กน้อยที่เห็นเป็นรูเล็กๆ 2 รู ใช้สำหรับร้อยสายคล้องโทรศัพท์ ที่ร้อยมาจากด้านในตัวเครื่อง ส่วนฝั่งซ้ายเป็นรูไมโครโฟน

บทสรุป

สำหรับ Asus P565 รุ่นนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในบรรดาพีดีเอโฟนทั้งหลาย เนื่องจากคุณสมบัติที่ให้มากับตัวเครื่องมีให้เลือกใช้กันอย่างครบครัน รวมถึงสเปกเครื่องที่ใส่ซีพียูความเร็วถึง 800 MHz ซึ่งเมื่อเห็นตัวเลขหน่วยประมวลผลที่ให้มาต้องบอกว่าสูงมาก ภายหลังจากลองใช้งานก็ไม่ทำให้ผิดหวังสามารถตอบสนองได้ไวเลยทีเดียว แต่อย่าลืมพลังงานแบตฯก็จะหมดไวตามไปด้วย ถึงแม้ว่าจะให้แบตฯขนาด 1,300 mAh มาใช้ก็ตาม

โดยเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ถือว่าพอเหมาะพอดี ซึ่งจากการทดลองใช้งานจริงแบบหนักๆ โดยมีการเปิดใช้ GPS นำทางประมาณ 1 ชั่วโมง เปิดการเชื่อมต่อทุกอย่าง กับเปิดเพลงฟังตลอดเวลาใช้งาน เล่นอินเทอร์เน็ต กับถ่ายภาพเป็นบางช่วง ที่เหลือเป็นการใช้งานทั่วไปแบบต่อเนื่องตลอดเวลา สามารถใช้งานได้ประมาณ 5 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้งานเป็นบางช่วงเวลา สามารถอยู่ได้ 1 วัน สบายๆ

การใช้งานโทรศัพท์ทั่วไป เสียงสนทนาอยู่ในระดับมาตรฐานไม่เบาเกินไป การรับสัญญาณของเครื่องทำได้ดี ส่วนเสียงที่ขับออกมาจากลำโพงทางด้านหลังตัวเครื่อง ความดังของเสียงอยู่ในระดับปานกลางไม่ดังมากเท่าไรนัก รวมถึงเสียงที่ได้ยินไม่ค่อยมีมิติ จะออกโทนเสียงแหลมเป็นหลัก

หลังทดลองการใช้งาน GPS ของเครื่องรุ่นนี้พบว่า สามารถรับสัญญาณได้ค่อนข้างไวและแม่นยำพอสมควร พกติดตัวไว้ไม่มีหลงทางแน่นอนครับ ส่วนกล้องที่ให้มากับตัวเครื่องถึงแม้ว่าจะให้ความละเอียดค่อนข้างสูง แต่น่าเสียดายที่ไม่ติดแฟลชมาให้ใช้ด้วย ลูกเล่นฟังก์ชันต่างๆถือว่าใส่มาให้ใช้กันอย่างสนุก คุณภาพของภาพที่ได้เมื่อปรับการใช้งานละเอียดสุดอยู่ในระดับปานกลาง ยังไม่ค่อยคมเท่าไร อาการค้างมีให้เห็นบ้างเป็นบางครั้ง

ขอชม
– ความเร็วที่ให้มาสามารถตอบสนองได้เร็วทันใจ
– แม้ตัวเครื่องจะมีรูปทรงที่อ้วนท้วม แต่น้ำหนักไม่ได้หนักตามไปด้วย
– การนำทางทำได้ลื่นไหล และแม่นยำ

ขอติ
– กล้อง 3 ล้านพิกเซลพร้อมระบบออโต้โฟกัส แต่ไม่มีแฟลช
– ช่องเสียบเมมโมรี่การ์ดอยู่ใต้แบตฯ ทำให้ใช้งานไม่ค่อยสะดวก เมื่อต้องการถอดเข้า-ออก

สำหรับราคาเปิดตัวของ Asus P565 อยู่ที่ประมาณ 21,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)

จากผู้จัดการ Online

พบเด็กไทยกว่าครึ่งเป็น “โรคอ้วน”

นิสิตปริญญาเอกจุฬาฯ เผยผลสำรวจเด็กไทยวัยเรียน มีภาวะโภชนาการเกินเกือบร้อยละ 50 เด็กชาย ลูกคนเล็ก-คนเดียว เสี่ยงอ้วนมากสุด โอกาสโตแล้วอ้วนถึงร้อยละ 25 แนะรัฐเร่งแก้ไขให้เป็นวาระแห่งชาติ เสนอใช้มาตรการทางเศรษฐศาสตร์และวิศวกรรมเข้าช่วย พร้อมรณรงค์ให้ทารกแรกเกิดได้ดื่มนมแม่นาน 6 เดือน ลดโอกาสโตแล้วอ้วน

น.ส.นริสรา พึ่งโพธิ์สภ นักศึกษาโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) จากวิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมี ศ.ดร. เกื้อ วงศ์บุญสิน เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ศึกษาวิจัยปัญหาภาวะโภชนาการเกินหรือ “ภาวะอ้วน” ในเด็กไทย พบมีเด็กวัยเรียนอายุระหว่าง 9-12 ปี อยู่ในกลุ่มภาวะอ้วนถึงครึ่งหนึ่ง และเสี่ยงป่วยเป็นโรคอื่นๆ ได้มากกว่าคนปรกติ ทังยังอาจกระทบต่อประชากรวัยแรงงานของประเทศ นับว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลควรผลักดันการแก้ปัญหาให้เป็นวาระแห่ง ชาติ

นักวิจัยได้ทำการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกจากบุคคลในกลุ่มผู้กำหนดนโยบายโภชนาการของประเทศ กลุ่มผู้บริหารและครูโภชนาการในโรงเรียน และกลุ่มเด็กวัยเรียนที่มีและไม่มีภาวะโภชนาการเกินพร้อมผู้ปกครอง จำนวน 39 ราย เพื่อจัดทำแบบสอบถามที่เหมาะสมในการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ โดยการให้เด็กวัยเรียนที่มีอายุระหว่าง 9-12 ปี และผู้ปกครองในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 1,863 คู่ กรอกแบบสอบถาม ซึ่งเด็กในช่วงอายุดังกล่าวอยู่ในช่วงการเจริญเติบโตที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ทั้งน้ำหนักและส่วนสูงอย่างชัดเจน

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับใช้เกณฑ์มาตรฐานการเจริญเติบโตของเด็กไทยโดยเปรียบเทียบน้ำหนักกับส่วนสูง พบว่าเด็กในกลุ่มตัวอย่างมีภาวะโภชนาการเกินถึงร้อยละ 49 หรือเกือบครึ่งหนึ่ง เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบกับกลุ่มเด็กที่มีภาวะโภชนาการปกติ พบว่าทั้งสองกลุ่มมีพฤติกรรมการกินไม่แตกต่างกัน แต่การทำกิจกรรมแตกต่างกัน โดยเด็กที่อ้วนนั้นส่วนใหญ่ทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยกว่า

นอกจากนั้นเด็กผู้ชายและเด็กที่เป็นลูกคนเดียวหรือลูกคนสุดท้องจะมี แนวโน้มอ้วนมากกว่า เนื่องจากค่านิยมของคนไทยที่มักให้ความสำคัญแก่บุตรชายมากกว่า และมักดูแลเอาใจใส่ลูกคนเดียวหรือลูกคนสุดท้องมากเป็นพิเศษ

“ภาวะโภชนาการเกินในเด็กเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยรวม ซึ่งเด็กที่อ้วนมีโอกาสเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่อ้วนถึงร้อยละ 25 ส่วนวัยรุ่นที่อ้วน มีโอกาสเป็นผู้ใหญ่ที่อ้วนถึงร้อยละ 75 ผลกระทบโดยตรงที่เกิดขึ้นคือมีความเสี่ยงต่อโรคอื่นๆ สูงกว่าคนทั่วไป ทั้งโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ข้อเสื่อม และเบาหวาน ส่วนผลกระทบโดยอ้อม จะทำให้คุณภาพของประชากรลดน้อยถอยลง ประชากรวัยแรงงานไม่มีศักยภาพ ไม่สามารถเป็นฐานการผลิตของประเทศที่เข้มแข็งได้” น.ส.นริสรา อธิบายกับสื่อมวลชนและทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีงานวิจัยในต่างประเทศมากมายที่ระบุว่ายีนเป็นปัจจัยที่ทำให้อ้วน ทว่าปัจจัยทางสังคมก็มีส่วนสำคัญที่กระตุ้นให้อ้วนได้ ซึ่งในอดีตเด็กไทยเคยมีปัญหาภาวะโภชนาการต่ำ แต่หลังจากแก้ปัญหาดังกล่าวได้กล่าวได้แล้วกลับกลายเป็นว่าปัญหาภาวะ โภชนาการเกินเข้ามาแทนที่ เพราะเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าขึ้น ทำให้คนไทยมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม

ส่วนมาตรการแก้ปัญหาภาวะโภชนาการเกินในเด็กไทยที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ไม่น้อย ทว่าก็ไม่เป็นผลเท่าที่ควร ซึ่งนักวิจัยชี้แจงว่าเพราะมีการใช้มาตรการทางสุขศึกษาเพียงอย่างเดียว แต่ขาดมาตรการทางวิศวกรรมและมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งควรนำมาใช้แก้ปัญหาควบคู่กัน ซึ่งในหลายประเทศมีการแก้ปัญหาภาวะโภชนาการเกินในเด็กด้วยวิธีการดังกล่าว ประสบผลสำเร็จมาแล้วไม่น้อย และรัฐบาลควรผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ เน้นที่การป้องกันมากกว่าแก้ไข และร่วมมือกันดำเนินการแบบพหุภาคี

นักวิจัยเสนอมาตรการทางวิศวกรรมว่าควรปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้เด็กได้ทำกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น พัฒนาเครื่องออกกำลังกายแบบครบวงจรสำหรับเด็กวัยเรียน ออกแบบเกมคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้ผู้เล่นได้ออกกำลังกายในขณะเล่นเกม ส่วนมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ เช่น ใช้กลไกภาษีในการปรับปรุงคุณภาพอาหารให้มีประโยชน์มากขึ้น สำหรับอาหารที่ไม่มีประโยชน์หรือทำให้อ้วนก็อาจเก็บภาษีมากกว่า หรือสนับสนุนอาหารที่มีประโยชน์ให้มีราคาถูกลง เป็นต้น

“นอกจากนี้ยังมีรายงานวิจัยในต่างประเทศว่านมแม่สามารถป้องกันไม่ให้ ลูกอ้วนได้ นอกจากคุณค่าทางโภชนาการสูงที่ทราบกันอยู่แล้ว เพราะมีฮอร์โมนสำคัญที่ช่วยระบบเผาผลาญในร่างกายได้ดี จึงควรรณรงค์ให้มีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดโอกาสไม่ให้เด็กอ้วนได้” น.ส.นริสรา ให้ข้อมูลเพิ่มเติม.

จากผู้จัดการ Online