ยักษ์ใหญ่ซอฟต์แวร์ธุรกิจอย่างออราเคิล (Oracle) ช็อกโลกไอทีด้วยการประกาศว่าพร้อมซื้อซันไมโครซิสเต็มส์ (Sun Microsystems) ด้วยราคา 7.4 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.59 แสนล้านบาท ผลที่เกิดขึ้นคือโปรแกรมภาษาจาวา (Java) ที่แฝงตัวอยู่ทั่วทุกแห่งในโลกไอทีนั้นจะต้องย้ายค่ายไปอยู่ใต้ชายคาออรา เคิลด้วย
ไม่เพียงออราเคิลจะเป็นเจ้าของภาษาจาวา ซึ่งอุปกรณ์พกพาทั่วโลกกว่า 1 พันล้านชนิดรองรับการทำงานอยู่ในขณะนี้ ออราเคิลจะได้ระบบปฏิบัติการ Solaris และซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล MySQL ไว้ในครอบครองด้วย
จริง อยู่ที่เพชรทั้ง 3 เม็ดนี้เป็นโอเพ่นซอร์สที่มีการแจกจ่ายฟรีอย่างแพร่หลายบนอินเทอร์เน็ต แต่ที่ผ่านมา ซันสามารถทำเงินจากการให้บริการแก้ไขและบำรุงรักษาระบบโอเพ่นซอร์สเหล่านี้ แก่องค์กรบริษัทอย่างเป็นกอบเป็นกำ จุดนี้ออราเคิลเชื่อว่า หลังการควบรวม ออราเคิลจะสามารถบริหารงานและทำเงินจากธุรกิจนี้ได้มากกว่าที่ซันเคยทำได้
สนนราคา 7.4 พันล้านเหรียญที่ออราเคิลจะได้ซันมาครอบครองนั้นคิดเป็นมูลค่าหุ้นเฉลี่ย 9.5 เหรียญต่อหุ้น สูงกว่าที่ไอบีเอ็มเคยเสนอไว้ 9.4 เหรียญ ออราเคิลแสดงว่าตัวเองเห็นความคุ้มค่าของซันด้วยการประกาศว่า จาวาคือซอฟต์แวร์ภาษาคอมพิวเตอร์ที่สำคัญที่สุดเมื่อเทียบกับซอฟต์แวร์ที่ออ ราเคิลเคยซื้อมา จุดนี้นักวิเคราะห์ช่วยตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ธุรกิจใหม่ของออราเคิลนาม Oracle Fusion Middleware ที่เติบโตอย่างรวดเร็วนั้นก็มีพื้นฐานบนจาวา ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆของซันอย่างระบบปฏิบัติการ Sun Solaris ก็เป็นแพลตฟอร์มหลักที่ออราเคิลสนับสนุนมาโดยตลอด
มูลค่าหุ้นของซันเพิ่มขึ้น 36.77 เปอร์เซ็นต์รับข่าวนี้ ปิดที่ 9.15 เหรียญสหรัฐ ขณะที่มูลค่าหุ้นของออราเคิลลดลง 1.26 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 18.82 เหรียญ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐฯ
แลรี่ เอลลิสัน (Larry Ellison) ซีอีโอออราเคิลกล่าวในแถลงการณ์ว่า การควบรวมกับซันครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมไอทีโลก ระบุว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการประสานกันระหว่างซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร ประสิทธิภาพเยี่ยมและระบบการคำนวณคุณภาพสูง
” ออราเคิลจะเป็นเพียงบริษัทเดียวที่สามารถวางระบบและแอปพลิเคชันครบวงจรเพื่อ การทำงานร่วมกันขององค์กรได้ในราคาที่ถูกลง แต่มีความเสถียร มั่นคงปลอดภัยมากขึ้น เชื่อว่า การซื้อซันจะทำให้บริษัทสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น 1.5 พันล้านเหรียญในช่วงปีแรก และจะเพิ่มเป็นตัวเลขเกิน 2 พันล้านเหรียญในปีต่อไป”
สอดคล้องกับ สก็อต แมคเนียลี (Scott McNealy) ประธานซันที่เรียกดีลนี้ว่า “การให้นิยามใหม่แก่อุตสาหกรรม” โดยขณะนี้ ทั้งซันและออราเคิลยังต้องรอมติอนุมัติจากผู้ถือหุ้นซันอย่างเป็นทางการอีก ครั้ง พร้อมกับการอนุมัติจากคณะกรรมการตรวจสอบหลักทรัพย์สหรัฐฯ ด้วย คาดว่าการควบรวมจะแล้วเสร็จภายในฤดูร้อน ปีนี้
นัก วิเคราะห์เชื่อว่าการซื้อซันจะทำให้ออราเคิลมีภาษีที่ดีขึ้นในธุรกิจ ฮาร์ดแวร์ เนื่องจากซันมีดีกรีเป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก แม้ว่าจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้ไอบีเอ็ม เอชพี และเดลล์อย่างต่อเนื่องก็ตาม ขณะเดียวกัน ออราเคิลจะได้รับส่วนแบ่งในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์มากขึ้น และสามารถให้บริการระบบแอปพลิเคชันแบบฝังรวมที่ครบวงจรได้ดียิ่งขึ้น ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ
ในส่วนของซัน นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าการถูกซื้อบริษัทจะทำให้ซันหายใจได้ทั่วท้องตาม ที่ต้องการ แต่จะยังมีความสับสนในอนาคตธุรกิจฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของซัน เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่าออราเคิลจะจัดการกับธุรกิจฮาร์ดแวร์ของซัน อย่างไรในยุคที่ซันมีแนวโน้มส่วนแบ่งตลาดลดลงต่อเนื่องเช่นนี้
ในส่วนอื่นๆ นักวิเคราะห์เชื่อว่าไอบีเอ็มจะหันกลับมาทบทวนกลยุทธ์ของตัวเองอีก ครั้งอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ การเจรจาซื้อขายบริษัทระหว่างซันและออราเคิลจะสร้างจุดสนใจให้กับคณะกรรมการ กำกับดูแลการค้ายุติธรรมสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ที่ออกมาแสดงความกังวลต่อข่าวลือว่าไอบีเอ็มจะซื้อซันซึ่งเกิด ขึ้นก่อนหน้านี้
ขณะนี้ ซันมีพนักงานทั่วโลก 33,500 คน ถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่า 12,000 คนซึ่งเป็นยอดพนักงานบริษัท PeopleSoft ที่ออราเคิลซื้อมารายล่าสุดด้วยเงิน 1.11 หมื่นล้านเหรียญเมื่อปี 2005 โดยขณะนี้ออราเคิลมีพนักงานราว 86,000 คนบนตัวเลขรายได้ปีงบการเงินล่าสุด 2.24 หมื่นล้านเหรียญ
จากผู้่จัดการ Online