FUJITSU PRIMERGY TX 120

ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 ของฟูจิตสึ เป็นที่สุดในโลกถึงสามด้าน เล็ก เงียบและประหยัด ให้ความสะดวกกับธุรกิจได้โดยไม่ต้องพึ่งพาห้องเซิร์ฟเวอร์ที่แยกสัดส่วนโดย เฉพาะ
ฟูจิตสึ คอมพิวเตอร์ ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการโซลูชั่นเชิงกลยุทธ์แก่บริษัทชั้นนำของโลกมากมาย และพร้อมนำเสนอเทคโนโลยีอันทันสมัย ได้เปิดตัว ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 (PRIMERGY TX120) เซิร์ฟเวอร์แบบทาวเวอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุด เงียบที่สุด และใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดในโลก ซึ่งออกแบบมาเพื่อธุรกิจขนาดเล็กและโฮมออฟฟิศที่มักไม่มีการจัดสรรพื้นที่ใน บริษัทสำหรับดูแลเซิร์ฟเวอร์แยกต่างหากโดยเฉพาะ โดย ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 มาพร้อมกับฟังก์ชันต่างๆ ครบถ้วนเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในกลุ่ม ไพรเมอร์จี ที่ได้รับรางวัลมาก่อนหน้านี้มากมาย ขณะเดียวกันก็ใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยลง ปล่อยความร้อนและเสียงรบกวนน้อยกว่าเดิม ที่สำคัญยังประหยัดพลังงานมากกว่าด้วย

ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์สำหรับดูแลงานเฉพาะทาง กลายเป็นองค์ประกอบหนึ่งบนระบบไอทีที่พบเห็นได้ทั่วไป แม้กับในธุรกิจขนาดเล็ก ตั้งแต่สถาบันด้านสุขภาพ สำนักงานกฎหมาย โบรกเกอร์จัดการด้านการลงทุนและประกันภัย ฟรีแลนซ์ ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ไปจนถึงสำนักงานสาขาของบริษัทขนาดใหญ่ อย่างไรก็ดีมีบริษัทขนาดเล็กเหล่านี้จำนวนไม่มากที่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับ สร้างห้องเพื่อแยกจัดเก็บเซิร์ฟเวอร์และโครงสร้างพื้นฐานระบบไอที ทำให้บ่อยครั้งเซิร์ฟเวอร์เครื่องใหญ่ที่มีเสียงดังรบกวน จึงถูกตั้งห่างจากโต๊ะทำงานของพนักงานในบริษัทเพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้น ตรงกันข้ามกับการออกแบบของ ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 ที่มีขนาดเพียงหนึ่งในสามของเซิร์ฟเวอร์ทั่วไป ทำงานได้เงียบกว่า และไม่รบกวนบุคคลรอบข้าง ใช้พลังงานเพียง 163 วัตต์ ซึ่งทำให้ ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 กินไฟเทียบเท่ากับหลอดไฟในสำนักงานทั่วไปเท่านั้น

ขนาดที่เล็กกว่า: ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 กว้างเพียง 4 นิ้ว สูง 13 นิ้ว และยาวเพียง 16 นิ้วเท่านั้น

มีเสียงรบกวนน้อยกว่า: ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 มีเสียงรบกวนในระดับ 28 เดซิเบล ในขณะที่ไม่มีการประมวลผล และเพียง 31 เดซิเบลในระหว่างการทำงาน ซึ่งถือว่ามีเสียงรบกวนต่ำกว่าเซิร์ฟเวอร์มาตรฐานทั่วไปถึง 50 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว

ใช้พลังงานน้อยกว่า: ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 ที่มีการตั้งค่าให้ทำงานอย่างเต็มสมรรถนะ ใช้พลังงานน้อยกว่าเซิร์ฟเวอร์มาตรฐานทั่วไปถึง 35-40 เปอร์เซ็ต์ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,500 บาท) (1) ต่อปีต่อเซิร์ฟเวอร์ โดยการทำงานแบบเต็มที่ของ โพรเซสเซอร์ ดูอัล-คอร์ อินเทล ซีออน ยูพี (Dual-Core Intel Xeon UP) จะใช้พลังงานสูงสุดเพียง 163 วัตต์ เท่านั้น

ไพรเมอร์จี เซิร์ฟเวอร์ ทีเอ็กซ์ 120 มาพร้อมกับ ไพรเมอร์จี เซิร์ฟเวอร์วิว รีโมตแมเนจเมนต์ (PRIMERGY Server View Remote Management) ที่ทำให้การจัดการ ดูแลความปลอดภัยเซิร์ฟเวอร์เป็นเรื่องง่าย ประหยัด และทำได้จากสถานที่ใดเวลาใดก็ได้ สะดวกทั้งกับบริษัทขนาดเล็กที่พึ่งพาที่ปรึกษาในการดูแลบริหารเซิร์ฟเวอร์ ไปจนถึงสำนักงานสาขาของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีฝ่ายไอทีจากสำนักงานใหญ่เป็นผู้ ดูแลระบบ

“ไพรเมอร์จี ทีเอ็กซ์ 120 ถือเป็นก้าวสำคัญในการตอบสนองความต้องการของธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งทางฟูจิตสึ เล็งเห็นว่าเป็นตลาดที่สำคัญและกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว” ริชาร์ด แม็คคอร์แมค รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดและเซิร์ฟเวอร์ ของ ฟูจิตสึ คอมพิวเตอร์ ซิสเต็มส์ กล่าวว่า “เครื่องไพรเมอร์จี เซิร์ฟเวอร์ ทีเอ็กซ์ 120 เป็นหนึ่งในผลงานของเราที่เกิดจากความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนอย่าง จริงจังทั่วทั้งองค์กรในทุกผลิตภัณฑ์ที่เรามีอยู่”

ข้อมูลทางเทคนิค:

  • โพ รเซสเซอร์ ดูอัล-คอร์ อินเทล ซีออน ยูพี พร้อมด้วยหน่วยความจำแบบเอสแอลซี (SLC – Single Level Cell) ขนาด 4 เมกะไบต์ และทำงานที่ความเร็วฟร้อนต์ไซด์บัส 1066 เมกะเฮิร์ตซ์ หรือโพรเซสเซอร์ อินเทล เซเลอรอน (Intel Celeron) (พร้อมวางจำหน่ายเดือนกันยายน 2550 นี้)
  • หน่วยความจำระบบแบบ DIMM จำนวน 4 แถว รองรับสูงสุดที่ 8 กิกะไบต์ พร้อมคุณสมบัติอีซีซี (ECC – error correction code)
  • 4 พอร์ตสำหรับควบคุมเอสเอเอส (SAS controller) พร้อมเรด (RAID) 0, 1 และ 1E
  • รองรับฮาร์ดดิสก์แบบเอสเอเอส (SAS – Serial Attached SCSI) ที่ถอดเปลี่ยนได้จำนวน 2 ลูก
  • มา พร้อมกับระบบควบคุมจัดการจากทางไกล (iRMC – Integrated Remote Management Controller) และชุดเสริมคุณสมบัติด้านการควบคุมชั้นสูง (iRMC Advanced Pack)
  • อีเธอร์เน็ตแบบ 1 กิกะบิตต่อวินาที พร้อมด้วยเซอร์วิสแลนสำหรับคุณสมบัติไออาร์เอ็มซี (Service LAN for iRMC)

ที่มา  : ARiP IT News

ไมโครซอฟท์หวังถล่ม VMware

ไมโครซอฟท์ ยักษ์ใหญ่ไอทีสัญชาติอเมริกัน ประกาศซื้อกิจการบริษัทเลือดใหม่นามคาลิสต้าเทคโนโลยีส์ (Calista Technologies) พร้อมๆกับการขยายความร่วมมือกับบริษัทซิทริกซ์ซิสเต็มส์ (Citrix Systems) สิ่งที่เกิดขึ้นถูกมองว่า ไมโครซอฟท์กำลังพยายามรุกตลาดซอฟต์แวร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์เสมือนหรือเวอร์ ชวลไลเซชันที่กำลังรุ่งเรืองสดใส ซึ่ง VMware ในฐานะผู้นำตลาดย่อมกลายเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งโดยปริยาย

นาตาลี นัมเบิร์ต นักวิเคราะห์ของฟอร์เรสเตอร์รีเสิร์ช คือหนึ่งในผู้ที่อ่านเกมความเคลื่อนไหวของไมโครซอฟท์ว่ากำลังพยายามเข้าสู่ ตลาดเวอร์ชวลไลเซชัน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้คอมพิวเตอร์เพียงหนึ่งตัวสามารถทำงานเป็น คอมพิวเตอร์เสมือนหลายๆเครื่องได้ ผลที่เกิดขึ้นคือคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นๆจะสามารถรันซอฟต์แวร์ได้หลายชนิด หลายระบบปฏิบัติการ โดยที่เจ้าของไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่หลายเครื่อง
ที่ผ่าน มา ไมโครซอฟท์ไม่เปิดเผยจำนวนเงินที่ซื้อบริษัทคาลิสต้า ระบุเพียงว่าเป็นบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุม คอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์เวอร์ชวลไลเซชันได้จากทางไกล ขณะที่ซิทริกซ์เป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชันนาม Hyper-V ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เขียนโปรแกรมที่ซิทริกซ์ร่วมมือกับไมโครซอฟท์เพื่อให้ผู้ ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Server 2008 สามารถรองรับผลิตภัณฑ์ XenServer ของซิทริกซ์ได้
” ความเคลื่อนไหวของไมโครซอฟท์แปลว่ากำลังให้ความสนใจธุรกิจเวอร์ชวลไลเซชัน อย่างจริงจัง ซึ่งเมื่อคิดถึงตลาดเวอร์ชวลไลเซชันก็ต้องคิดถึง VMware เชื่อว่า VMware คืออุปสรรค์ที่ไมโครซอฟท์มองว่าต้องข้ามไป”

ไม่ใช่เพียงไมโครซอฟท์ แต่ออราเคิลและซันล้วนมีท่าทีตีตื้น VMware ทั้งสิ้น จุดนี้นักวิเคราะห์เชื่อว่าสงครามเวอร์ชวลไลเซชันนั้นเพิ่งเริ่มต้น และทุกบริษัทจะมุ่งพัฒนาให้เทคโนโลยีของตัวเองสามารถใช้งานได้กับผลิตภัณฑ์ จากทุกค่าย ตั้งแต่ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยไปจนถึงไมโครชิป

หลัง จาก VMware ถูกอีเอ็มซีซื้อหุ้นส่วนใหญ่ไป มูลค่าหุ้นของบริษัทก็พุ่งขึ้นเกือบสามเท่าตัวเมื่อเทียบจากมูลค่าไอพีโอที่ เปิดตลาดครั้งแรก สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมีท่าทีเชื่อมั่น VMware มากแม้ในสถานการณ์แข่งขันที่ดุเดือดเช่นนี้

ที่มา  : ARiP IT News

Asus P565 : Review

เมื่อ มองย้อนกลับไปช่วงต้นปีหลายคนอาจจะคงเคยได้ยินข่าว เกี่ยวกับพีดีเอโฟนที่มีระบบประมวลผลไวที่สุดกันบ้างแล้ว สำหรับใครที่ยังไม่รู้ทางทีมงานจะบอกให้ทราบว่า พีดีเอโฟนรุ่น P565 ของค่ายอัสซุสที่ออกมาช่วงต้นปีต้อนรับปีฉลูนั้น ไวและแรงสมคำล่ำลือจริงๆ ด้วยซีพียูที่ให้ความเร็วถึง 800 MHz ทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างลื่นไหล และยังเป็นรุ่นแรกของอัสซุสที่มาพร้อมกับระบบนำทางอัจฉริยะ Garmin Mobile XT ทำให้ไม่ต้องกลัวหลงอีกต่อไป

Feature On Asus P565

Asus Today


หน้าจอแรกที่ต้องได้เห็นและสัมผัส คงหนีไม่พ้น “Asus Today” ที่เป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ทั้งเลือกดูและเปลี่ยนแปลงได้อย่างสะดวก ประกอบไปด้วย 6 แท็ปด้วยกันได้แก่ แท็ปแรกรูปนาฬิกา จะแสดงชื่อเครือข่าย, วัน-วันที่, เวลา และการตั้งปลุก ไล่จากบนลงล่างตามลำดับ แท็ปที่ 2 รูปเครื่องหมายตกใจ จะเป็นการแสดงเบอร์ที่ไม่ได้รับสาย, ข้อความ SMS, MMS และE-mail แท็ปที่ 3 รูปปฏิทิน จะแสดงบันทึกแจ้งเตือนการนัดหมายที่อยู่ในปฏิทิน

ถัดมาแท็ปที่ 4 รูปเมฆ จะแสดงผลการพยากรณ์สภาพอากาศได้ทั่วโลก ทั้งนี้ต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการเชื่อมต่อด้วย แท็ปที่ 5 เป็น ‘RSS’ แสดงรายการข้อมูลข่าวสารตามที่ได้กำหนดไว้ สุดท้ายแท็ปที่ 6 รูปตัวโน้ต จะแสดงโปรแกรมเครื่องเล่นเพลงที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า ‘EziMusic’ สามารถเข้าไปเล่นเพลงผ่านทางด้านนี้ได้เลย หรืออาจจะบอกว่าเป็นเส้นทางลัดเข้าสู่โปรแกรมเครื่องเล่นเพลงก็ว่าได้

MultiHome


นอกจากนี้ “Asus Today” ยังสามารถเลือกลักษณะการใช้งานได้ 3 รูปแบบด้วย กัน ได้แก่ Original, Business และLife ซึ่งสามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ โดยเลือกสัมผัสสัญลักษณ์ คล้ายๆแฟ้มกำลังเปิด ทางด้านมุมบนขวามือ จากนั้นก็เลื่อนเลือกลักษณะทั้ง 3 รูปแบบได้ด้วยการกดปุ่มควบคุมไปทาง ซ้าย-ขวา หรือจะลากเส้นเป็นแนวนอนบนหน้าจอด้วยปากกาสไตลัส

AnyTime Launcher

ฟีเจอร์ถัดมาคือ “AnyTime Launcher” ซึ่งเป็นโปรแกรมเสริมที่ช่วยให้สามารถเรียกใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ, จัดการงาน และเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าได้ง่ายขึ้น เลือกใช้งานได้โดยการกดปุ่มทางลัดที่ติดตั้งมาให้อยู่เหนือปุ่มโทรออก เครื่องก็จะรันโปรแกรม “AnyTime Launcher” ขึ้นมา ซึ่งแสดงรายชื่อหมวดหมู่ฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ประกอบไปด้วย 7 หมวดหลักด้วยกันได้แก่ 1. Recent Programs เป็นการแสดงรายชื่อโปรแกรมที่เปิดใช้งานล่าสุด 2. Favorite Programs เป็นการแสดงแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อย ซึ่งสามารถเลือกเพิ่มได้ตามความต้องการของผู้ใช้

ถัดมา 3. Favorite Contacts เป็นการแสดงรายชื่อผู้ติดต่อ ที่ผู้ใช้เพิ่มเข้าไปเพื่อให้สามารถใช้งานได้สะดวกที่สุด 4. Message Center เป็นศูนย์รวมการบันทึกต่างๆ ทั้งสายที่ไม่ได้รับ, ข้อความ SMS, ข้อความ MMS และE-mail 5. Internet เป็นศูนย์รวมข้อมูลของการเรียกใช้แอปพลิเคชันอินเทอร์เน็ตต่างๆ ได้แก่ เรียกดูบราวเซอร์ Internet Explorer, บุ๊กมาร์ค, ประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ต(Browse History), โปรแกรมสนทนา Messenger, Share pictures, Share videos, Streaming Player และNewsStation

6. Multimedia ศูนย์รวมความบันเทิงทั้งหมดที่มีอยู่ในเครื่อง ได้แก่ โปรแกรม EziPhoto, โปรแกรม EziMusic, กล้องถ่ายภาพ (Camera) และกล้องวิดีโอ (Camcorder) สุดท้าย 7.My Settings เป็นการการตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ได้แก่ รูปแบบ(Profile), Task Manager สำหรับจัดการโปรแกรม, Flight mode, การตั้งปลุก(Alarm), เสียงเรียกเข้า(Ring Tone), การตั้งค่าธีม(Theme) และการตั้งค่าล็อกใช้งาน(Device Lock)

การใช้งานโทรศัพท์ผ่านทางหน้าจอสัมผัสสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก กล่าวคือ มีปุ่มกดตัวเลขขนาดใหญ่ หน้าจอขณะใช้งานมีเมนูให้เลือก 6 รูปแบบด้วยกันคือ เปิดลำโพง, ปิดเสียง, พักสาย, จดโน้ต, ดูรายชื่อผู้ติดต่อ และประวัติการโทรทั้งหมด

ส่วนการเชื่อมต่อต่างๆสามารถตอบสนองได้อย่างครบครัน เริ่มจากระบบ 3G ผ่านกล้อง Video Call ส่วนการใช้งานผ่าน HSDPA ต้องรอในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งตอนนี้ให้ใช้ EDGE/GPRS และไวเลส ไปพลางๆก่อน นอกจากนี้ ยังมีบลูทูธ 2.0 และระบบ GPS ที่ทางอัสซุสได้ลิขสิทธิ์แผนที่จาก Garmin

Camera


“กล้อง”ที่ให้มากับ ‘Asus P565′ มีความละเอียด 3 ล้านพิกเซลแบบออโต้โฟกัส แต่ไม่มีแฟลชมาให้ โหมดการถ่ายภาพประกอบไปด้วย พาโนรามา, ถ่ายภาพแบบบันทึกพิกัด GPS, ถ่ายแบบใส่ธีมให้กับรูปภาพ, วิดีโอ, ภาพนิ่ง, MMSวิดีโอ และMMSภาพนิ่ง

ในส่วนของ‘เมนูภาพนิ่ง’ ประกอบไปด้วย ซีน (ออโต้, กลางคืน และกีฬา) การถ่ายภาพโหมดมาโคร การตั้งเวลาถ่าย(5 กับ10 วินาที) ถ่ายภาพต่อเนื่อง (4 กับ 9 ช็อต) ความละเอียดของภาพ (2048 z 1536, 1600 x 1200, 1024 x 768 และ640 x 480 พิกเซล) ส่วนการตั้งค่าระดับสูง ได้แก่ สมดุลสีขาว (Auto, Sunny, Cloudy, Incandescence และFluorescent) เอฟเฟกต์ (Normal, Black-White, Negative และSepia), คุณภาพของภาพ, รูปแบบไฟล์ภาพ, เสียงชัเตอร์ ปรับความคมชัดได้ 7 ระดับ ฯลฯ

ส่วนการถ่าย“วิดีโอ”มี โหมดที่ประกอบด้วย ขนาดของวิดีโอ (320 x 240 , 160 x 120 และ80 x 60 พิกเซล) การปรับแต่งคล้ายกับการบันทึกภาพนิ่ง การตั้งค่าระดับสูง ได้แก่ มีให้เลือกรูปแบบนามสกุลไฟล์ที่ต้องการบันทึก คือ MPEG4 หรือ 3gp ตั้งคำนำหน้าไฟล์ที่บันทึก และการตั้งค่าว่าจะให้บันทึกเสียงลงไปพร้อมกับวิดีโอด้วยหรือไม่

Program And Setting

ในส่วนของโปรแกรม ทีมงานขอแนะนำที่น่าสนใจนอกเหนือจากโปรแกรมมาตรฐานของวินโดวส์ โมบายล์ในเครื่องรุ่นนี้ ได้แก่ Call Filter, Garmin Mobile XT, EziPhoto และEziMusic ซึ่งรายละเอียดต่างๆมีดังต่อไปนี้

Call Filter

เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับกรองรายชื่อและข้อความว่า จะให้รับหรือปฏิเสธรายชื่อ-ข้อความที่กำลังจะติดต่อเข้ามา ยกตัวอย่าง หากต้องการให้คนที่เราไม่อยากจะติดต่อด้วยมาติดต่อกับเราอีก ก็สามารถทำได้ง่ายๆโดยเลือกกล่องหน้าคำว่า ‘Enable’ จากนั้นเลือก ‘Reject List’ ช่องถัดมาเลือกหมายเลขโทรศัพท์ที่ต้องการจะปฏิเสธหากติดต่อเข้าามา ซึ่งสามารถดึงหมายเลขได้จากรายชื่อในสมุดโทรศัพท์ได้เลย เท่านี้บุคคลดังกล่าวก็ไม่สามารถติดต่อเราได้แล้ว

Garmin Mobile XT

โปรแกรมแผนที่ลิขสิทธ์ของค่าย ‘Garmin’ เมื่อกดเข้าที่ตัวโปรแกรมจะพบแถบแสดงระดับสัญญาณ GPS อยู่มุมซ้ายบน ถัดมาด้านล่างมี 2 โหมดหลักให้เลือกใช้งาน คือ 1. ค้นหาตำแหน่ง ใช้สำหรับหาตำแหน่งต่างๆโดยมีให้เลือกหมวดย่อยดังต่อไปนี้ บ้าน, ที่อยู่, จุดน่าสนใจ, ที่พบล่าสุด, Contacts, ตำแหน่งที่ใช้ประจำ, พิเศษ, เมือง, ค้นหาแยก, ภาพถ่ายพาโนรามา, Location Messages และค่าพิกัด 2. ดูแผนที่ ใช้สำหรับดูว่าขณะนี้เราอยู่ตรงจุดไหนบนแผนที่ โดยเครื่องจะค้นหาพิกัดปัจจุบันสักพักนึงเมื่อกดเข้ามาใช้โหมดนี้ และสามารถใช้ในการนำทางได้ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 โหมดการใช้งานเสริมทางด้านขวาคอยอำนวยความสะดวกให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น คือ 1. Garmin Online ประกอบไปด้วย สภาพอากาศ ภาพถ่าย Panoramio และสถานะสมาชิกภาพ 2. เครื่องมือ ประกอบไปด้วย ตั้งค่า, Location Messages, รายการเส้นทาง, แผนที่, ฉันอยู่ไหน, จัดการข้อมูลส่วนตัว, สถิติการเดินทาง, จำลองเส้นทาง และรูปภาพของฉัน

EziPhoto


โปรแกรมใช้สำหรับดูรูปภาพที่ อยู่ภายในเครื่องทั้งหมด หากอยากรู้ว่ารูปภาพนั้นถ่ายภาพมาวันไหน สามารถเลือกดูได้ในรูปแบบของปฏิทิน การใช้งานควบคุมผ่านทางหน้าจอสัมผัส กล่าวคือ ลากผ่านหน้าจอซ้าย-ขวา เมื่อต้องการเลื่อนดูภาพ ลากผ่านหน้าจอในแนวทแยงมุม เมื่อต้องการขยายภาพ ลากโค้งเป็นวงกลม เมื่อต้องการหมุนรูปภาพ นอกจากนี้ ยังสามารถแสดงรูปภาพในรูปแบบสไลด์โชว์ ที่มีลูกเล่นการใช้งานเหมือนกับโปรแกรมสไลด์โชว์ทั่วๆไป คือ มีเอฟเฟกต์ กำหนดเวลาได้ และใส่เพลงประกอบ

EziMusic


โปรแกรมเครื่องเล่นเพลง ซึ่งสามารถเข้าสู่ตัวโปรแกรมได้หลายทางดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น เมื่อกดเข้าสูโปรแกรมจะเข้าสู่หน้า ‘Library’ ที่มีไอคอนฟังก์ชันสวยๆชวนให้เลือกใช้งาน ได้แก่ All, Artist, Album, Genre, Playlists และ Protected โดยก่อนจะเลือกใช้งานให้กดที่ ‘Update’ เพื่อให้โปรแกรมอัปเดตเพลงที่ใส่เพิ่มเข้ามาใหม่ก่อน ส่วนโหมดการเล่นมีให้เลือกใช้ ได้แก่ เล่นแบบสุ่มรายชื่อ, เล่นแบบวนซ้ำ หรือจะเปิดใช้พร้อมทั้ง 2 แบบก็ทำได้ การตั้งค่ามีให้เลือกใช้ 2 อย่าง คือ หยุดเล่นเพลงเมื่อเข้าไปใช้โปรแกรมอื่นๆ กับเล่นเพลงต่อเนื่องหลังจากวางสายการสนทนา ซึ่งเลือกใช้งานได้โดยการเลือกกล่องหน้าข้อความ

หลังจากดูโปรแกรมที่ให้มากันเต็มอิ่มแล้ว คราวนี้ลองไปดูส่วนของการตั้งค่ากันบ้าง ที่เห็นน่าสนใจจากการตั้งค่าบนวินโดวส์ โมบายล์ทั่วไป ได้แก่ CPU Mode เป็นฟังก์ชันการตั้งค่า การทำงานของหน่วยประมวลผลให้ตรงกับการใช้งานของผู้ใช้มากที่สุด โดยมีให้เลือกใช้ทั้งหมด 4 โหมด ได้แก่ Automatic Mode, Turbo Mode, Standard Modeและ Power Saving Mode, ASUS Today เป็นการตั้งค่าเวลาหลัก และเวลารองสำหรับไปเยือนต่างแดน และ Theme Manager ที่มีลูกเล่นธีมมาให้เลือกใช้ 4 แบบ ได้แก่ ASUS Easy Life, ASUS Stardust Silver, ASUS Nice day และPersonalized Theme

มาดูกันในส่วนของรายละเอียดเครื่องรุ่นนี้กัน เริ่มจากเครื่องรุ่นนี้ใช้ Windows Mobile 6.1 Professional build 19965.1.2.3 ROM เวอร์ชัน 6.2.0S.WWE00 ส่วนซีพียูจะเป็น Marvell Tavor PXA930 800 MHz Ram ขนาด 128 MB Rom ขนาด 256MB

Design of Asus P565

Asus P565 ถูกดีไซน์ออกมาให้มีรูปทรงแบบทื่อๆ แต่แอบซ่อนความหรูหราไว้ให้เห็นด้วยการใช้วัสดุหนังบุทางด้านหลังเครื่อง เพื่อบ่งบอกถึงความทันสมัยในแบบเรียบๆ ตัวเครื่องมีขนาด 102 x 60.5 x 16 ม.ม. น้ำหนัก 120 กรัม เมื่อลองสัมผัสสามารถจับถือได้เหมาะมือ ถึงแม้ตัวเครื่องจะดูอ้วนท้วมนิดๆ แต่น้ำหนักไม่ได้หนักตามลักษณะรูปทรงที่เห็นแต่อย่างใด

ด้านหน้า : ไล่จากด้านบนจะพบลำโพงสนทนาวางอยู่ตรงกึ่งกลางเครื่อง ใกล้กันทางด้านซ้ายเป็นเลนส์กล้องทางด้านหน้า สำหรับใช้ ‘Video Call’ ถัดมาซ้ายสุดเป็นไฟกระพริบแบบ ‘LED’ ซึ่งจะกระพริบเป็นสีต่างๆตามสถานะการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ สีเขียว : ชาร์จไฟเข้าโทรศัพท์เต็มแล้ว, สีเขียวกระพริบ : ตรวจพบเครือข่าย, แดง : กำลังชาร์จโทรศัพท์, แดงกระพริบ : แจ้งเตือนเหตุการณ์, น้ำเงินกระพริบ : บลูทูธ, WiFi หรือGPS ทำงาน ถัดลงมาเป็นพื้นที่ของจอแสดงผล TFT-LCD 65,536 สีแบบสัมผัส ขนาด 2.8 นิ้ว(480 x 640 พิกเซล)

ใต้จอแสดงผลจะพบโลโก้ “ASUS” สีเงินวางพาดอยู่กึ่งกลางตัวเครื่อง ถัดลงมาเป็นปุ่มควบคุม ประกอบไปด้วย ฝั่งซ้ายมีปุ่มลัด AnyTime Launcher สำหรับเรียกแอปพลิเคชัน AnyTime Launcher กับปุ่มโทรออก ตรงกลางเป็นปุ่มควบคุม 5 ทิศทาง ฝั่งขวามีปุ่ม OK กับปุ่มวางสาย

ด้านหลัง : พลิกตัวเครื่องมาทางด้านหลังจะพบกับเลนส์กล้องอยู่ทางด้านขวาเหนือฝาหลัง ซึ่งมีความละเอียด 3 ล้านพิกเซลออโต้โฟกัส ถัดลงมาเล็กน้อยเป็นแถบช่องลำโพงสำหรับขับเสียงเมื่อเปิดใช้งานสื่อเสียง ต่างๆ ถัดลงมาเป็นส่วนของฝาหลังที่แอบซ่อนความหรูหราอย่างที่เกริ่นไปแล้วข้างต้น ด้วยการบุหนังลายสีดำ

เมื่อเปิดฝาหลังออก จะพบกับช่องวางแบตเตอรี่ชนิด Li-Ion 1,300 mAh หากถอดแบตออกเหนือช่องวางแบตฯจะพบกับช่องช่องเสียบซิมการ์ดอยู่ทางด้านบน ส่วนด้านล่างเป็นช่องเสียบการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ถูกออกแบบในลักษณะวางซ้อนกัน

ด้านขวา : ไล่จากด้านบนสุดเป็นปากกาสไตลัส ถัดมาเป็นปุ่มล็อกการใช้งานของเครื่อง สามารถกดเปิด-ปิดได้โดยการเลื่อนปุ่มขึ้น-ลง ส่วนล่างสุดเป็นปุ่มเมนูลัดสำหรับเข้าโหมดถ่ายรูป รวมถึงใช้เป็นปุ่มชัตเตอร์ด้วย

ด้านซ้าย : ด้านบนเป็นพอร์ตเสาอากาศ GPS เพื่อให้สามารถรับสัญญาณได้ดีขึ้นมีฝาพลาสติกหุ้มปิดมิดชิด ถัดลงมาเป็นปุ่มปรับระดับเพิ่ม-ลดเสียง


ด้านบน และด้านล่าง : ด้านบนมีเพียงปุ่ม “Power” เท่านั้น(กดค้างเพื่อเปิด-ปิดเครื่อง) ส่วนด้านล่างมีช่องเสียบอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งสายชาร์จแบตเตอรี่ และชุดหูฟัง ซึ่งใช้ร่วมกันที่ช่องนี้เพียงช่องเดียวในแบบ mini USB ใกล้กันเป็นรูสำหรับกด ‘reset’ เครื่อง เหนือเล็กน้อยที่เห็นเป็นรูเล็กๆ 2 รู ใช้สำหรับร้อยสายคล้องโทรศัพท์ ที่ร้อยมาจากด้านในตัวเครื่อง ส่วนฝั่งซ้ายเป็นรูไมโครโฟน

บทสรุป

สำหรับ Asus P565 รุ่นนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในบรรดาพีดีเอโฟนทั้งหลาย เนื่องจากคุณสมบัติที่ให้มากับตัวเครื่องมีให้เลือกใช้กันอย่างครบครัน รวมถึงสเปกเครื่องที่ใส่ซีพียูความเร็วถึง 800 MHz ซึ่งเมื่อเห็นตัวเลขหน่วยประมวลผลที่ให้มาต้องบอกว่าสูงมาก ภายหลังจากลองใช้งานก็ไม่ทำให้ผิดหวังสามารถตอบสนองได้ไวเลยทีเดียว แต่อย่าลืมพลังงานแบตฯก็จะหมดไวตามไปด้วย ถึงแม้ว่าจะให้แบตฯขนาด 1,300 mAh มาใช้ก็ตาม

โดยเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ถือว่าพอเหมาะพอดี ซึ่งจากการทดลองใช้งานจริงแบบหนักๆ โดยมีการเปิดใช้ GPS นำทางประมาณ 1 ชั่วโมง เปิดการเชื่อมต่อทุกอย่าง กับเปิดเพลงฟังตลอดเวลาใช้งาน เล่นอินเทอร์เน็ต กับถ่ายภาพเป็นบางช่วง ที่เหลือเป็นการใช้งานทั่วไปแบบต่อเนื่องตลอดเวลา สามารถใช้งานได้ประมาณ 5 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้งานเป็นบางช่วงเวลา สามารถอยู่ได้ 1 วัน สบายๆ

การใช้งานโทรศัพท์ทั่วไป เสียงสนทนาอยู่ในระดับมาตรฐานไม่เบาเกินไป การรับสัญญาณของเครื่องทำได้ดี ส่วนเสียงที่ขับออกมาจากลำโพงทางด้านหลังตัวเครื่อง ความดังของเสียงอยู่ในระดับปานกลางไม่ดังมากเท่าไรนัก รวมถึงเสียงที่ได้ยินไม่ค่อยมีมิติ จะออกโทนเสียงแหลมเป็นหลัก

หลังทดลองการใช้งาน GPS ของเครื่องรุ่นนี้พบว่า สามารถรับสัญญาณได้ค่อนข้างไวและแม่นยำพอสมควร พกติดตัวไว้ไม่มีหลงทางแน่นอนครับ ส่วนกล้องที่ให้มากับตัวเครื่องถึงแม้ว่าจะให้ความละเอียดค่อนข้างสูง แต่น่าเสียดายที่ไม่ติดแฟลชมาให้ใช้ด้วย ลูกเล่นฟังก์ชันต่างๆถือว่าใส่มาให้ใช้กันอย่างสนุก คุณภาพของภาพที่ได้เมื่อปรับการใช้งานละเอียดสุดอยู่ในระดับปานกลาง ยังไม่ค่อยคมเท่าไร อาการค้างมีให้เห็นบ้างเป็นบางครั้ง

ขอชม
– ความเร็วที่ให้มาสามารถตอบสนองได้เร็วทันใจ
– แม้ตัวเครื่องจะมีรูปทรงที่อ้วนท้วม แต่น้ำหนักไม่ได้หนักตามไปด้วย
– การนำทางทำได้ลื่นไหล และแม่นยำ

ขอติ
– กล้อง 3 ล้านพิกเซลพร้อมระบบออโต้โฟกัส แต่ไม่มีแฟลช
– ช่องเสียบเมมโมรี่การ์ดอยู่ใต้แบตฯ ทำให้ใช้งานไม่ค่อยสะดวก เมื่อต้องการถอดเข้า-ออก

สำหรับราคาเปิดตัวของ Asus P565 อยู่ที่ประมาณ 21,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)

จากผู้จัดการ Online

พบเด็กไทยกว่าครึ่งเป็น “โรคอ้วน”

นิสิตปริญญาเอกจุฬาฯ เผยผลสำรวจเด็กไทยวัยเรียน มีภาวะโภชนาการเกินเกือบร้อยละ 50 เด็กชาย ลูกคนเล็ก-คนเดียว เสี่ยงอ้วนมากสุด โอกาสโตแล้วอ้วนถึงร้อยละ 25 แนะรัฐเร่งแก้ไขให้เป็นวาระแห่งชาติ เสนอใช้มาตรการทางเศรษฐศาสตร์และวิศวกรรมเข้าช่วย พร้อมรณรงค์ให้ทารกแรกเกิดได้ดื่มนมแม่นาน 6 เดือน ลดโอกาสโตแล้วอ้วน

น.ส.นริสรา พึ่งโพธิ์สภ นักศึกษาโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) จากวิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมี ศ.ดร. เกื้อ วงศ์บุญสิน เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ศึกษาวิจัยปัญหาภาวะโภชนาการเกินหรือ “ภาวะอ้วน” ในเด็กไทย พบมีเด็กวัยเรียนอายุระหว่าง 9-12 ปี อยู่ในกลุ่มภาวะอ้วนถึงครึ่งหนึ่ง และเสี่ยงป่วยเป็นโรคอื่นๆ ได้มากกว่าคนปรกติ ทังยังอาจกระทบต่อประชากรวัยแรงงานของประเทศ นับว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลควรผลักดันการแก้ปัญหาให้เป็นวาระแห่ง ชาติ

นักวิจัยได้ทำการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกจากบุคคลในกลุ่มผู้กำหนดนโยบายโภชนาการของประเทศ กลุ่มผู้บริหารและครูโภชนาการในโรงเรียน และกลุ่มเด็กวัยเรียนที่มีและไม่มีภาวะโภชนาการเกินพร้อมผู้ปกครอง จำนวน 39 ราย เพื่อจัดทำแบบสอบถามที่เหมาะสมในการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ โดยการให้เด็กวัยเรียนที่มีอายุระหว่าง 9-12 ปี และผู้ปกครองในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 1,863 คู่ กรอกแบบสอบถาม ซึ่งเด็กในช่วงอายุดังกล่าวอยู่ในช่วงการเจริญเติบโตที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ทั้งน้ำหนักและส่วนสูงอย่างชัดเจน

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับใช้เกณฑ์มาตรฐานการเจริญเติบโตของเด็กไทยโดยเปรียบเทียบน้ำหนักกับส่วนสูง พบว่าเด็กในกลุ่มตัวอย่างมีภาวะโภชนาการเกินถึงร้อยละ 49 หรือเกือบครึ่งหนึ่ง เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบกับกลุ่มเด็กที่มีภาวะโภชนาการปกติ พบว่าทั้งสองกลุ่มมีพฤติกรรมการกินไม่แตกต่างกัน แต่การทำกิจกรรมแตกต่างกัน โดยเด็กที่อ้วนนั้นส่วนใหญ่ทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยกว่า

นอกจากนั้นเด็กผู้ชายและเด็กที่เป็นลูกคนเดียวหรือลูกคนสุดท้องจะมี แนวโน้มอ้วนมากกว่า เนื่องจากค่านิยมของคนไทยที่มักให้ความสำคัญแก่บุตรชายมากกว่า และมักดูแลเอาใจใส่ลูกคนเดียวหรือลูกคนสุดท้องมากเป็นพิเศษ

“ภาวะโภชนาการเกินในเด็กเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยรวม ซึ่งเด็กที่อ้วนมีโอกาสเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่อ้วนถึงร้อยละ 25 ส่วนวัยรุ่นที่อ้วน มีโอกาสเป็นผู้ใหญ่ที่อ้วนถึงร้อยละ 75 ผลกระทบโดยตรงที่เกิดขึ้นคือมีความเสี่ยงต่อโรคอื่นๆ สูงกว่าคนทั่วไป ทั้งโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ข้อเสื่อม และเบาหวาน ส่วนผลกระทบโดยอ้อม จะทำให้คุณภาพของประชากรลดน้อยถอยลง ประชากรวัยแรงงานไม่มีศักยภาพ ไม่สามารถเป็นฐานการผลิตของประเทศที่เข้มแข็งได้” น.ส.นริสรา อธิบายกับสื่อมวลชนและทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีงานวิจัยในต่างประเทศมากมายที่ระบุว่ายีนเป็นปัจจัยที่ทำให้อ้วน ทว่าปัจจัยทางสังคมก็มีส่วนสำคัญที่กระตุ้นให้อ้วนได้ ซึ่งในอดีตเด็กไทยเคยมีปัญหาภาวะโภชนาการต่ำ แต่หลังจากแก้ปัญหาดังกล่าวได้กล่าวได้แล้วกลับกลายเป็นว่าปัญหาภาวะ โภชนาการเกินเข้ามาแทนที่ เพราะเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าขึ้น ทำให้คนไทยมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม

ส่วนมาตรการแก้ปัญหาภาวะโภชนาการเกินในเด็กไทยที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ไม่น้อย ทว่าก็ไม่เป็นผลเท่าที่ควร ซึ่งนักวิจัยชี้แจงว่าเพราะมีการใช้มาตรการทางสุขศึกษาเพียงอย่างเดียว แต่ขาดมาตรการทางวิศวกรรมและมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งควรนำมาใช้แก้ปัญหาควบคู่กัน ซึ่งในหลายประเทศมีการแก้ปัญหาภาวะโภชนาการเกินในเด็กด้วยวิธีการดังกล่าว ประสบผลสำเร็จมาแล้วไม่น้อย และรัฐบาลควรผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ เน้นที่การป้องกันมากกว่าแก้ไข และร่วมมือกันดำเนินการแบบพหุภาคี

นักวิจัยเสนอมาตรการทางวิศวกรรมว่าควรปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้เด็กได้ทำกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น พัฒนาเครื่องออกกำลังกายแบบครบวงจรสำหรับเด็กวัยเรียน ออกแบบเกมคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้ผู้เล่นได้ออกกำลังกายในขณะเล่นเกม ส่วนมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ เช่น ใช้กลไกภาษีในการปรับปรุงคุณภาพอาหารให้มีประโยชน์มากขึ้น สำหรับอาหารที่ไม่มีประโยชน์หรือทำให้อ้วนก็อาจเก็บภาษีมากกว่า หรือสนับสนุนอาหารที่มีประโยชน์ให้มีราคาถูกลง เป็นต้น

“นอกจากนี้ยังมีรายงานวิจัยในต่างประเทศว่านมแม่สามารถป้องกันไม่ให้ ลูกอ้วนได้ นอกจากคุณค่าทางโภชนาการสูงที่ทราบกันอยู่แล้ว เพราะมีฮอร์โมนสำคัญที่ช่วยระบบเผาผลาญในร่างกายได้ดี จึงควรรณรงค์ให้มีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดโอกาสไม่ให้เด็กอ้วนได้” น.ส.นริสรา ให้ข้อมูลเพิ่มเติม.

จากผู้จัดการ Online

โลกออนไลน์แห่งปัญญา

“กรมการศาสนา” ร่วมกับ “บริษัทดิจิคราฟต์ จำกัด” (ประเทศไทย) และ “กลุ่มบริษัทบันลือ กรุ๊ป” ผลักดันโครงการนำร่อง “The Avatar โลกออนไลน์แห่งปัญญา โลกพุทธศาสนาเสมือนจริง” ผ่านเว็บไซต์พระพุทธศาสนาเสมือนจริงแห่งแรกของโลก www.khondee.org หวังปลุกกระแสเยาวชนไทยให้เข้าใกล้พระพุทธศาสนา รองรับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของกลุ่มเยาวชนไทย

“สำหรับวัตถุประสงค์ของโครงการ The Avatar โลก ออนไลน์แห่งปัญญา โลกพุทธศาสนาเสมือนจริง ก่อตั้งขึ้นเพื่อต้องการให้เยาวชนไทยได้เรียนรู้พระพุทธศาสนานอกเหนือจากใน ห้องเรียน เพราะเนื่องจากสภาพแวดล้อม สังคม ค่านิยมและวิถีการใช้ชีวิตของกลุ่มเยาวชนไทยที่เปลี่ยนไป จึงทำให้เยาวชนกลุ่มนี้ห่างไกลจากพระพุทธศาสนา จนมีผลกระทบให้ระดับจิตใจตกต่ำและลุกลามไปถึงวิถีการใช้ชีวิตเมื่อเติบโต ขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ทางกรมศาสนาเล็งเห็นถึงความสำคัญจุดนี้ จึงได้ร่วมมือกับทางบริษัทดิจิคราฟต์ จำกัด (ประเทศไทย) ผู้สร้างเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์สีขาวเช่น โครงการยู ทาวน์ (www.utown.in.th) ซี่งเป็นเว็บไซต์ชุมชนสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัย และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก กลุ่มบริษัทบันลือ กรุ๊ป ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจสิ่งพิมพ์และสื่อดิจิตัล มาร่วมกันปลุกปั้นโครงการดังกล่าวเพื่อเยาวชนของชาติ และนอกจากนี้ ทางกรมการศาสนาได้มีแผนการพัฒนาโลกพระพุทธศาสนาเหมือนจริงในสถานที่อื่น ๆ ที่มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนานอกเหนือจากประเทศไทยอีกด้วย” นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา กล่าว

“โครงการ The Avatar โลก ออนไลน์แห่งปัญญา โลกพุทธศาสนาเสมือนจริง เป็นความภูมิใจอย่างที่สุดของทางบริษัท ดิจิคราฟต์ จำกัด (ประเทศไทย) เนื่องจากทางบริษัทฯ ได้รับเกียรติจากกรมการศาสนาให้เข้ามาเป็นผู้พัฒนาโครงการนี้อย่างเป็นทาง การ ทั้งในเรื่องการพัฒนา ดูแล และควบคุมระบบ ตลอดจนการสรรหากิจกรรมเชิงสร้างสรรค์และเนื้อหาดี ๆ เพื่อ ให้เยาวชนไทยได้เข้ามาเรียนรู้เรื่องราวที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาผ่านการฟัง ธรรมะออนไลน์ การตอบคำถามและทดสอบความรู้ทางด้านธรรมะ แนะนำวิธีการนั่งสมาธิเบื้องต้น และแลกเปลี่ยนเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาระหว่างเยาวชนด้วยกันเอง และ อีกหนึ่งไฮไลท์ของโครงการนี้คือ ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาต่าง ๆ เรายังสามารถจำลองความงดงามทางวัฒนธรรมของศาสนาพุทธในประเทศไทย ให้เด็กและเยาวชนรวมไปถึงพุทธศาสนิกชนทุก ๆ คน ได้ซึมซับบรรยากาศเหล่านั้นได้แบบเสมือนจริงอีกด้วย ทางบริษัทฯ เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะช่วยในการสร้างสรรค์สังคมคุณภาพบนโลกออ นไลน์ เป็นแหล่งชุมชนสีขาว และพัฒนาคุณภาพจิตใจของเยาวชนให้ดีขึ้น” ดร.วิวัฒน์ วงศ์วราวิภัทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิจิคราฟต์ จำกัด (ประเทศไทย) กล่าว

“สำหรับกลุ่มบริษัทบันลือ กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายหนังสือและนิตยสารการ์ตูนคุณภาพรวมทั้งเป็นผู้ให้บริการ สื่อดิจิตัลอื่นๆ มีความยินดีในการร่วมประชาสัมพันธ์โครงการ The Avatar โลกออนไลน์แห่งปัญญา โลกพุทธศาสนาเสมือนจริง เพื่อช่วยสร้างการรับรู้ให้กับโครงการนี้และเป็นสื่อกลางในการกระตุ้นให้เยาวชนหันมาสนใจเรื่องราวของพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น ทั้ง นี้เป็นไปตามนโยบายของประธานกลุ่มบริษัทบันลือกรุ๊ป คุณวิธิต อุตสาหจิต ที่ต้องการสนับสนุนพระพุทธศาสนาโดยเริ่มจากโครงการนี้ และตามด้วยสื่อสิ่งพิมพ์ของบริษัทที่จะออกในเร็ว ๆ นี้ด้วย” นางโชติกา อุตสาหจิต รองประธานกลุ่มบริษัทบันลือ กรุ๊ป กล่าว

สำหรับโครงการ The Avatar โลกออนไลน์แห่งปัญญา โลกพุทธศาสนาเสมือนจริงนี้เปิดใช้บริการแล้วผ่านเว็บไซต์ www.khondee.org และจะเริ่มขยายลูกเล่นอื่น ๆ ตามมาในเฟสต่อไปเพื่อรองรับกลุ่มเยาวชนไทยให้มาสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น

ติดตามรายละเอียดและทดลองเข้าสู่โลกของ The Avatar ได้ที่ www.khondee.org

ใครเล่นแล้วมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ

จาก online-station.net


กระเบื้องเพ้นท์ลาย สร้างรายได้

นายวาริ วัฒนรุกข์

ธุรกิจกับงาน ศิลปะ ดูจะเป็นสิ่งที่เป็นเส้นขนานกันมาโดยตลอด แต่เมื่อไหร่ที่ทั้ง 2 เส้นได้มาบรรจบกับได้ บัดนั้นก็จะเกิดเป็นผลงานที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ ที่มีการทำการตลาดควบคู่กันไปด้วย เช่นเดียวกับ “ชอ วอ แฮนดิคราฟท์” ของอดีตหนุ่มบริษัทโฆษณา ที่จับพลัดจับผลูเดินทางเข้าสู่งานเซรามิก จนกลายเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวมาจนถึงปัจจุบัน

จากคำชักชวนของเพื่อนให้ไปช่วยผลิตงานให้ที่ จ.ลำปาง ทำให้ นายวาริ วัฒนรุกข์ ผู้จัดการทั่วไป หจก.ชอ วอ แฮนดิคราฟท์ ได้รู้ขั้นตอนการผลิตเซรามิก จนได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ และรู้เทรนด์ของต่างชาติที่ในช่วงนั้นนิยมงานเพ้นท์รูปบนแผ่นกระเบื้อง จึงได้ลองกลับมาผลิตงานดังกล่าวกับเพื่อน พร้อมส่งเข้าประกวดจนได้ และได้รับรางวัลชนะเลิศ จากภาพเขียนรูปแวนโก๊ะ (Vincent Willem van Gogh) บนกระเบื้อง ประเภทเซรามิกสีบนเคลือบ

กระจกดีไซน์ โดยใช้กระเบื้องมาต่อๆ กันแล้วเพ้นท์ลาย

และเมื่อผลงานได้รับรางวัลจึงนำผลงานไปจัดแสดงที่แกลลอรี่ ซึ่งชาวต่างชาติ ก็ชื่นชอบผลงานและสั่งให้ผลิต โดยช่วงแรก (ปีพ.ศ.2539) ใช้เงินทุนเริ่มต้นประมาณ 200,000 บาท และปีที่ 2 ของการผลิตงานต้องเพิ่มทุนเป็น 1.5 ล้านบาท เนื่องจากมีออเดอร์เพิ่มมากขึ้น

“ไอ เดียการนำแผ่นกระเบื้องมาต่อกัน แล้วเขียนลวดลายลงไป ถือว่าได้แนวคิดมาจากต่างชาติ ที่ต้องการหาภาพงานศิลปะแนวใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม และงานเพ้นท์ภาพบนแผ่นกระเบื้อง ที่ถือว่าเป็นงานแฮนด์เมด มีรูปแบบไม่ซ้ำใคร ส่วนลูกค้าญี่ปุ่นก็ชื่นชอบผลงานลักษณะนี้เช่นกัน โดยสั่งให้ทำสีบนแผ่นกระเบื้องให้ แต่เมื่อสินค้ามีตำหนิก็ถูกตีกลับ ทำให้ผมนำแผ่นกระเบื้องเหล่านั้นมาแปรรูปเป็นเศษเล็กๆ เพื่อนำมาทำเป็นโมเสก ผสมผสานงานเพ้นท์ ก็สามารถขยายตลาดให้กับลูกค้าในประเทศเยอรมันนีได้อีกทางหนึ่ง ส่งผลให้ช่วงนั้นมียอดสั่งสินค้าประมาณ 300,000 บาท/เดือน”

กระจกโมเสก ลูกค้าชื่นชอบ

ต่อมาเมื่อปี 2540 ถือเป็นปีแห่งวิกฤตของผู้ประกอบการไทย แต่สำหรับสินค้าของนายวาริ ถือว่าไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะเน้นการส่งออกเกือบ 100% ต่างชาติยังให้การตอบรับสินค้าเป็นอย่างดี รวมถึงชาวญี่ปุ่น ก็ได้นำอ่างล้างมือมาให้เพ้นท์ เป็นลวดลายตามต้องการอีกด้วย ซึ่งงานประเภทนี้หาคนทำยาก เนื่องจากรายละเอียดค่อนข้างเยอะ และต้องใช้เวลา ดังนั้นผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะหลีกเลี่ยงงานเหล่านั้น ซึ่งก็ถือว่าจุดขายหนึ่งของ ชอ วอ แฮนดิคราฟท์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้

ลายไทยๆ ก็โดนใจต่างชาติ

สำหรับขั้นตอนการผลิตสำหรับนายวาริ แล้วถือว่าไม่ยากนัก เนื่องจากตนเองมีพื้นฐานจากการเรียนเพาะช่าง ที่ต้องเรียนงานด้านศิลปะเกือบทุกแขนง และหนึ่งในนั้นคืองานเซรามิก ที่ต้องเริ่มจากการเขียนลายตามต้องการ และนำไปเผาเพื่อให้สีที่เพ้นท์ซึมลงไปในแผ่นกระเบื้อง จนได้ผลงานที่โดนใจลูกค้าออกมา แต่ขั้นตอนที่ยากคือการจัดองค์ประกอบของภาพให้ตรงใจลูกค้า ซึ่งต้องอาศัยความรู้ และศึกษาเทรนด์งานศิลปะอย่างสม่ำเสมอ

อ่างล้างหน้า ลูกค้าญี่ปุ่นก็นำมาให้เพ้นท์ลาย

ปัจจุบัน ชอ วอ แฮนดิคราฟท์ ได้หันมาทำตลาดในเมืองไทยเกือบ 100% เนื่องจากที่ผ่านมาภาคการส่งออกของไทยชะลอตัว ดังนั้นการทำตลาดในประเทศน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เน้น สินค้าประเภทของตกแต่งบ้าน ที่คนไทยหันมาใส่ใจในการนำงานศิลปะไปตกแต่งบ้านกันมากขึ้น ซึ่งสินค้าของ ชอ วอ แฮนดิคราฟท์ แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ กระจกเพ้นท์ลายผสมงานโมเสก, ภาพแขวนโชว์ และการเพ้นท์ลายบนเครื่องสุขภัณฑ์ เป็นต้น โดยเน้นผลิตตามออเดอร์ของลูกค้าเป็นส่วนใหญ่ และผลิตเพื่อใช้ในการจัดแสดงงานเล็กน้อย เพื่อโปรโมทสินค้าให้ลูกค้าได้รู้จักงานประเภทนี้มากขึ้น โดยราคาจะเริ่มต้นที่ 35 – 100,000 บาท

นำไปตกแต่งบ้านก็สวยไปอีกแบบ

ส่วนลูกค้าจะเป็นกลุ่มของนักออกแบบตกแต่งภายใน และลูกค้าประจำที่มีกำลังซื้อสูง นำไปตกแต่งบ้าน หรือสั่งให้ผลิตผลงานตามความต้องการ ในสัดส่วนที่พอๆ กัน ซึ่งนายวาริ ไม่คิดจะมีหน้าร้าน เนื่องจากตนเองไม่ชอบงานด้านบริหาร จะถนัดงานด้านการผลิตมากกว่า ซึ่งตนขอเพียงให้มีออเดอร์จากลูกค้าประจำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็คิดว่าจะนำพาธุรกิจนี้ให้รอดพ้นวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันไปได้

ลวดลายเริ่มหันมาคนใจคนวัยทำงาน

**สนใจติดต่อ 08-4170-8822**
จากผู้จัดการ Online

Batman Arkham Asylum

“ไอดอส”ค่ายเกมอังกฤษที่เพิ่งมีข่าวการเข้าไปเทคโอเวอร์ของค่ายเกม ญี่ปุ่น “สแควร์ เอนิกซ์” ล่าสุดก็ออกมาแสดงความมั่นอกมั่นใจถึงผลงานเกมใหม่ที่ดึงเอาซูเปอร์ฮีโร่ มนุษย์ค้างคาว “แบทแมน”มาเป็นจุดขายกับเกม “Batman :Arkham Asylum”ว่าจะเป็นหนึ่งในเกมแห่งปี 2009 พร้อมเชื่อว่าจะเป็นเกมที่สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับวิดีโอเกมที่ได้รับ ลิขสิทธิ์มาจากการ์ตูน

“Jon Brooke“ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของไอดอสกล่าวว่า พวกเขาคาดการณ์ว่า Batman :Arkham Asylum ไม่ใช่เพียงแค่เกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่มันจะเป็นหนึ่งเด็ดดวงแห่งปีด้วย บริษัทได้ขยายการโฆษณาเกมนี้ไปเป็นเวลา 4 เดือน ผ่านทางสื่อสิ่งพิมพ์และออนไลน์ รวมไปถึงทางทีวีและโรงภาพยนตร์ด้วย

มันเกือบจะสมบูรณ์แบบเท่าที่พวกเราเคยมีมาเลยทีเดียว มันดูเจ๋ง งดงาม และมีเนื้อเรื่องที่สลับซับซ้อนให้เราได้กลับมาเล่นซ้ำๆได้ ” Brooke กล่าว

Batman :Arkham Asylum พัฒนาโดยทีม Rocksteady Studios กำหนดวางขาย 9 มิ.ย.นี้บนเครื่อง PS3,Xbox360 และ PC ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยส่งเกม Urban Chaos: Riot Response วางขายเมื่อปี 2006

ข้อมูลจาก…
www.mcvuk.com

โดยผู้จัดการOnline

Playground ส่งรูปเข้า Hi5 ได้ทันที

เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา “ผู้จัดการไซเบอร์” ได้พาคุณไปทัวร์งานไอทีใหญ่แห่งปี นั่นคือ งานคอมมาร์ต’09 ซัมเมอร์เซลล์ โดยมีการ “รายงานสด” ภาพบรรยากาศงานจากโทรศัพท์มือถือมายังเว็บไซต์ด้วยโปรแกรม PG (Playground) เย็นวันศุกร์นี้จึงเป็นโอกาสเหมาะที่เราจะมาแนะนำรายละเอียดเกี่ยวกับโปรแกรม PG ให้คุณทราบกันแบบเจาะลึก

PG หรือ Playground เป็นโปรแกรมบนโทรศัพท์มือถือ ที่เมื่อติดตั้งไปแล้ว คุณสามารถถ่ายรูปจากโปรแกรมนี้ แล้วส่งภาพที่ถ่ายได้ไปขึ้นแสดงยังเว็บไซต์ www.pg.in.th ได้ทันที โดยระบุตำแหน่งสถานที่ถ่ายบนแผนที่กูเกิลด้วย นอกจากจะเป็นโปรแกรมแจกฟรีแล้ว ยังไม่มีการจำกัดขนาด และพื้นที่เก็บภาพอีกด้วย ที่สำคัญพัฒนาโดยทีมงานคนไทย และใช้ได้กับโทรศัพท์มือถือทุกระบบ

อาจกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า PG ทำหน้าที่เป็นโปรแกรมที่ช่วยให้คุณใช้ภาพเล่าเรื่องราวแต่ละวันแทนการเขียนบล็อกได้ (Mobile Blogging) เช่น ในวันหนึ่งๆ คุณไปพบเจอเหตุการณ์อะไร ไม่ต้องเขียนเล่าให้ยืดยาว แค่ถ่ายรูปแล้วส่งขึ้นมาที่เว็บก็จะถูกนำไปแสดงผลทันที ไม่เพียงแต่ที่เว็บไซต์ www.pg.in.th เท่านั้น คุณยังนำภาพที่ส่งเข้ามาไปโพสต่อยัง Hi5, Facebook, Multiply, Friendster, Picasa, twitter หรือบล็อกอื่นๆ ได้โดยอัตโนมัติอีกด้วย

เท่ากับว่า PG ได้ช่วยเพิ่มบทบาทให้กับมือถือในการเป็น “ของเล่นชิ้นใหม่” ที่ทำใช้เป็นเส้นทางลัดในการถ่ายโอนไฟล์ภาพจากมือถือไปยังเว็บไซต์ หมดยุคการต่อสายเคเบิล ส่งบลูทูธไปมาได้ทันที ส่วนเว็บไซต์ PG.in.th ก็เปรียบเสมือนเป็นสนามเด็กเล่นออนไลน์แหล่งใหม่ของวัยทีนได้พูดคุย และแสดงความเห็นต่อภาพแปลกๆ ใหม่ๆ ที่ล้นทะลักเข้ามาในแต่ละวันนั่นเอง

ดูวิดีโอแนะนำการใช้งาน PG ที่นี่

3 ขั้นตอนลงมือส่งรูปจากมือถือเข้าเว็บ PG

1. สมัครสมาชิกที่นี่ (กรอกชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน อีเมล และเบอร์มือถือที่คุณใช้อยู่)

PG รองรับกับมือถือหลายแบรนด์หลายรุ่นด้วยกัน
2. ดาวน์โหลดโปรแกรมของ PG เข้ามาติดตั้งที่โทรศัพท์มือถือของคุณ (ดูรุ่นมือถือที่รองรับทั้งหมดได้ที่นี่) โดยระบบจะส่งเป็น SMS ในรูปแบบของลิงก์ให้คุณคลิกเข้าไปดาวน์โหลดอีกทีหนึ่ง

3. เปิดโปรแกรม PG จากมือถือขึ้นมา ถ่ายภาพ และกดส่ง ภาพก็จะมาปรากฎที่เว็บไซต์ของ PG โดยอัตโนมัติ คุณสามารถเข้าสู่ระบบเพื่อดูภาพของคุณได้ทันที จากทางหน้าเว็บ หรือจากทางมือถือ โดยเข้าไปที่ http://m.pg.in.th

ภาพอยู่บนเว็บแล้ว? เอาไปทำอะไรสนุกๆ ได้บ้าง?

: เขียนบล็อก :

ที่เว็บไซต์ของ PG เองก็มีเมนูสำหรับให้คุณเขียนบล็อกได้ โดยที่จะมีปุ่มอยู่บนเครื่องมือการพิมพ์ข้อความเป็นโลโก้ PG อยู่ เมื่อกดที่ปุ่มนี้คุณก็สามารถเลือกภาพที่คุณส่งเข้ามา ประกอบการเขียนเรื่องราวในบล็อกได้

: ส่งขึ้นไปยัง Hi5 :

คุณสามารถเลือกให้ทุกภาพที่คุณส่งจากมือถือด้วยโปรแกรม PG ไปแสดงที่เว็บไซต์เครือข่ายทางสังคมแบบออนไลน์อย่าง Hi5, Facebook, Multiply, Friendster, Picasa, twitter ได้โดยการเข้าไปตั้งค่าที่เมนู Settings > เชื่อมต่อกับเว็บอื่นๆ > กดปุ่ม “เพิ่ม” > เลือกเว็บต่างๆ ที่คุณเป็นสมาชิกไว้ก่อนหน้านี้ > กรอกชื่อผู้ใช้ และ รหัสผ่านของเว็บนั้น > ติ๊กถูกที่ช่อง ส่งรูปมาที่เว็บนี้ด้วย(อัตโนมัติ) > กดปุ่ม “เพิ่ม”

นอกจากนี้แล้วคุณยังสามารถเลือกชื่อที่อยู่หน้าเว็บส่วนตัวของคุณเองได้ เช่น http://mgrcyber.pg.in.th เพื่อความสะดวกในการส่งต่อไปให้เพื่อนๆ ซึ่งคุณสามารถเลือกชื่อเองได้ที่เมนู Settings > เมนู “ทั่วไป”

: ปรับแต่งพิกัดของภาพบนแผนที่ออนไลน์ :

โดยปกติแล้ว หากคุณใช้ระบบดีแทค ภาพทุกภาพที่คุณถ่ายจะมีการระบุตำแหน่งของภาพบนแผนที่ออนไลน์ของกูเกิลให้ โดยอัตโนมัติ เพราะตัวโปรแกรมจะดึงตำแหน่งจากสถานีฐานของโทรศัพท์ที่ใกล้ที่สุด (Cellsites) และจะนำมาแสดงผลบนเว็บ PG โดยอัตโนมัติ แต่ถ้าหากเครื่องของคุณไม่ได้เป็นระบบดีแทค แต่มี GPS ก็จะมีการแสดงตำแหน่งภาพให้เช่นกัน (ถ้ามือถือระบบอื่นไม่มี GPS ก็จะไม่ได้แสดงแผนที่)

อย่างไรก็ดี คุณยังสามารถเลือกแก้ไขหมุดที่ปักลงไปในแต่ละจุดบนแผนที่ได้ด้วยตัวเองเพื่อ ความแม่นยำ และตรงกับความเป็นจริงที่สุดได้ โดยคลิกที่ปุ่ม “แก้ไขสถานที่” ด้านล่างของแต่ละภาพ แล้วเลื่อนไปยังตำแหน่งที่คุณต้องการ หรือจะค้นหาตามชื่อสถานที่ก็ได้

นอกจากนี้คุณไม่ต้องห่วงว่า ถ้าภาพที่คุณส่งมาจากมือถือจะกลายเป็นภาพตะแคง หรือ กลับหัว เพราะในทุกๆ ภาพที่แสดงขึ้นเว็บ จะมีปุ่มกลับภาพ หมุนซ้าย ขวา (อยู่มุมบนขวาของภาพ) เพื่อปรับให้ภาพออกมาดูได้ปกติอีกด้วย

ที่ PG มีเพื่อนและแก๊งค์เต็มไปหมด มีแล้วดีอย่างไร?

เช่นเดียวกับกระแสการทำเว็บที่ต้องการผันตัวเองจากเว็บไซต์ทั่วไปให้ กลายเป็นเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคมแบบออนไลน์ (Social Networking Site) ที่ทุกคนมีตัวตน และถูกเชื่อมโยงเข้าหากัน พูดคุยกันผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่อยู่บนเว็บไซต์นี้

จึงไม่น่าแปลกใจว่า PG ได้มีการจัดกลุ่ม (Group) สำหรับผู้ที่มีความชอบเหมือนๆ กัน เช่น กลุ่มคนรักภาพยนตร์ กลุ่มคนใช้โทรศัพท์มือถือโนเกีย 5800 ที่กำลังดังอยู่ในเวลานี้ รวมไปถึงกลุ่ม Amazing Chiang Mai ซึ่งทุกคนสามารถนำภาพที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มมาแบ่งปันกันได้ที่นี่ ซึ่งผู้ใช้ทุกๆ คนถ้าสนใจกลุ่มใดๆ ก็จะสามารถคลิกปุ่ม “เข้าร่วมกลุ่ม” ได้ทันที หรือจะสร้างกลุ่มของตนเอง เพื่อหาแนวร่วมก็สามารถทำได้โดยการกดปุ่ม “สร้างกลุ่มใหม่” เป็นต้น

ขณะนี้มีสมาชิกเว็บไซต์ PG กว่าแสนราย! ที่มีการส่งรูปจากมือถือโดยเฉลี่ยกว่า 1000 รูป! ต่อวัน
ที่สำคัญที่สุดก็คือ การที่สมาชิกทุกคนในเว็บไซต์ PG ที่นอกเหนือจากจะส่งข้อความแสดงความเห็นในแต่ละรูปของผู้ใช้คนอื่นๆ แล้ว ยังสามารถส่งข้อความหาผู้ใช้แต่ละคนได้อีกด้วย ซึ่งการส่งนั้นมีทั้งส่งผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งจะใช้ชื่อว่า “ส่งข้อความส่วนตัว” และ “ส่ง SMS” โดยอย่างหลังนี้เอง ทำให้ผู้ใช้หลายคนใช้เป็นช่องทางในการส่งข้อความ SMS หาเบอร์มือถือของกันและกันได้ฟรี สมาชิกหนึ่งคน สามารถส่งข้อความหาเพื่อนสมาชิกได้ทุกคน คนละ 1 ครั้ง ต่อ 1 วัน ไม่เกิน 144 ตัวอักษร (เฉพาะเครือข่ายดีแทค) ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตจะต้องมีการจ่ายเงินเพื่อใช้แพคเกจเฉพาะสำหรับการส่ง SMS จาก PG ข้ามหาเครือข่ายอื่นได้ ส่วนการส่งข้อความส่วนตัวเหมือนการส่งอีเมล โดยจะไปขึ้นที่กล่องข้อความหลังจากผู้ใช้คนนั้นเข้าสู่ระบบ

ข้อดี

1. ส่งภาพจากมือถือเข้าเว็บทันที (Realtime) พร้อมระบุพิกัดตำแหน่งของรูปได้

2. ไม่ต้องเสียค่าลงโปรแกรม ไม่มีค่าบริการใช้งานรายเดือน และให้พื้นที่เก็บภาพได้โดยไม่จำกัดขนาด และจำนวนรูป

3. สามารถใช้งานได้ทั้งทางเว็บ (www.pg.in.th) และทางแว็บไซต์ (m.pg.in.th)

4. มีฟีเจอร์ให้ส่ง SMS หากันฟรี

ข้อเสีย

1. ไม่มีโปรแกรมตกแต่งรูปภาพหลังจากที่ภาพขึ้นไปบนเว็บแล้ว (ดังเช่นที่เคยมีในเว็บ 2pad ที่เรารีวิวไปก่อนหน้านี้)

2. ต้องถ่ายรูปเดี๋ยวนั้นแล้วอัปขึ้นไปเลย ไม่สามารถเลือกรูปที่อยู่ในเครื่องเพื่ออัปขึ้นไปได้ (แต่ถ้าต้องการเอารูปที่อยู่ในเครื่องขึ้นเว็บ ก็สามารถส่งเป็น MMS มาที่หมายเลข 7272 ครั้งละ 2 บาท เฉพาะเครือข่ายดีแทค)

3. ยังไม่สามารถซูมภาพขณะถ่ายภาพจากโปรแกรม PG ได้

4. ยังไม่สามารถถ่ายวิดีโอได้ (ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาฟีเจอร์นี้)


เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ PG

PG เป็นบริการที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่นไทยด้วยจำนวนผู้ใช้ กว่า 110,000 คน และมีภาพที่ส่งจากมือถือเข้ามายังเว็บไซต์แล้วถึง 230,000 ภาพ หลังจากการเปิดตัวไปเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโปรแกรมที่คิดค้นและพัฒนาโดยบริษัท ครีเอ้ จำกัด (บริษัทในเครือของดีแทค) ที่ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มนักพัฒนาโปรแกรมที่มีประสบการณ์ในการเขียน โปรแกรมมาอย่างยาวนาน ที่ผ่านมาครีเอ้ได้พัฒนาโปรแกรมออกสู่ตลาด และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เช่น โปรแกรม SmartChat ซึ่งเป็นสำหรับนักแชตที่สามารถเล่น MSN บนมือถือได้ และโปรแกรม PushMail ที่จะส่งเมล์มาเตือนทุกครั้งที่ได้รับอีเมลใหม่ๆ

โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จ PG ก็คือ 3 ซีอีโอหนุ่มได้แก่ คุณณัฐชัย อึ๊งศรีวงศ์ คุณไพโรจน์ บัวเผื่อน และคุณวรากร คุณาวงศ์

ถึงแม้ที่ผ่านมาทาง CBiZ Webware Review จะมีโอกาสรีวิวผลงานของคนไทยเพียงแค่ครั้งเดียวกับ อับดุล และ บักหำเลขา MSN แต่ครั้งนี้ PG ได้โชว์ผลงานชิ้นโบว์แดง ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์คนไทย และใช้ประโยชน์ได้จริง ผู้เขียนคิดว่าศักยภาพการพัฒนาของ PG ยังมีอีกมาก สอดรับกับเทรนด์ยุคแห่งเว็บ 2.0 ที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกคนมีส่วนในการสร้าง และแบ่งปันเนื้อหาได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ร่วมสร้างให้สนามเด็กเล่นนี้เป็นสนามเด็กเล่นทรงคุณภาพและเป็นมิตร เพื่อสังคมออนไลน์แห่งสยามประเทศที่สนุกสนานและอบอุ่นมากกว่าเดิมด้วยกัน

จากผู้จัดการ Online

Gmail พร้อมใช้49ภาษา

กูเกิลพัฒนา Gmail Labs พร้อมใช้งานแล้ว 49 ภาษาทั่วโลก เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับทดลองฟีเจอร์ใหม่ๆ ซึ่งเป็นบริการฟรีอีเมลของกูเกิล

พรทิพย์ กองชุน ผู้จัดการฝ่ายการตลาด – ประเทศไทย ของกูเกิล เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า กูเกิลนำเสนอฟีเจอร์ขั้นทดลองแก่ผู้ใช้ทั่วโลกในโอกาสฉลอง Gmail ครบรอบ 5 ปี โดยการพัฒนา Gmail Labs พร้อมใช้งานแล้วใน 49 ภาษาทั่วโลก เพื่อให้ Gmail Labs เป็นพื้นที่สำหรับทดลองฟีเจอร์ใหม่ๆ ซึ่งเป็นบริการฟรีอีเมลของกูเกิล

Gmail Labs นำเสนอเครื่องมือที่แปลกใหม่และเป็นประโยชน์สำหรับการปรับปรุงและปรับ แต่งกล่องจดหมายตามความต้องการของผู้ใช้ Gmail Labs เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเมื่อเดือนมิถุนายน 2551 โดยนำเสนอ 43 ฟีเจอร์ใน 43 สัปดาห์ และปัจจุบันฟีเจอร์ส่วนใหญ่พร้อมใช้งานทั่วโลกเป็นภาษาท้องถิ่น รวมถึงภาษาไทย ผู้ใช้จะสามารถเปิดและปิดการใช้งานฟีเจอร์ Gmail Labs ได้ง่าย ด้วยการคลิกเมาส์เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ตัวอย่างฟีเจอร์ของ Gmail Labs ได้แก่

1.ออฟไลน์ จีเมล (Offline Gmail) – เข้าถึงอีเมลของคุณและเขียนอีเมลแม้กระทั่งในช่วงเวลาที่คุณไม่สามารถเชื่อม ต่ออินเทอร์เน็ตได้ และเมื่อคุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงที่คุณกระทำก็จะถูกซิงโครไนซ์เข้ากับระบบ

2.ยกเลิกการส่ง (Undo Send) – เพิกถอนการส่งอีเมลหลังจากที่คลิกส่งไปแล้วไม่เกิน 5 วินาที

3.เมาไม่ส่ง (Mail Goggles) – ภายในช่วงเวลาที่กำหนด เครื่องมือนี้จะอนุญาตให้คุณส่งอีเมลได้ในเฉพาะกรณีที่คุณสามารถตอบโจทย์เลข ง่ายๆ ได้อย่างถูกต้อง มิฉะนั้นคุณก็ควรจะเข้านอนเสียก่อน แล้วค่อยกลับมาตอบโจทย์อีกครั้งในตอนเช้า

4.เครื่องตรวจจับการลืมไฟล์แนบ (Forgotten Attachment Reminder) – ป้องกันไม่ให้คุณเผลอส่งข้อความโดยไม่ได้แนบไฟล์ที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นหากคุณเอ่ยถึงไฟล์แนบไว้ในอีเมล แต่คุณยังไม่ได้แนบไฟล์ใดๆ

5.Tasks – เพิ่มรายการสิ่งที่ต้องทำไว้ในกล่องจดหมายของคุณ โดยคุณจะสามารถสร้างรายการงานด้วยตนเอง หรือสร้างจากอีเมลโดยตรง และแก้ไขรายการจากโทรศัพท์ของคุณในขณะที่คุณกำลังเดินทาง

การเปิดตัว Gmail Labs ทั่วโลกในช่วงเวลาที่ Gmail ครบรอบ 5 ปี เป็นการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องใน Gmail Labs ซึ่งเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงพัฒนาการของ Gmail ตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการสร้างโปรแกรมอีเมลที่แปลกใหม่และใช้งานง่าย สำหรับผู้ใช้

“หาก มองย้อนกลับไปในอดีตขณะเมื่ออีเมลยังคงผูกติดอยู่กับระบบเดสก์ทอป เราจะพบว่าตอนนั้นอีเมลมีข้อจำกัดอย่างมากทั้งในเรื่องของพื้นที่เก็บข้อมูล และประโยชน์ใช้สอย เนื่องจาก Gmail ทำงานบนระบบ Cloud ที่แปลว่าเมฆในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ดังนั้นเราจึงสามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างรวดเร็ว และนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์และมีประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ ภาษาใหม่ๆ สำหรับ Gmail Lab ได้แก่ เบงกาลี บัลแกเรีย คาตาลัน จีน (ดั้งเดิม, ประยุกต์) โครเอเชีย เช็ก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ เยอรมัน กรีก คุชราต ฮินดี ฮังกาเรียน ไอซ์แลนด์ อินโดนีเซีย อิตาลี ญี่ปุ่น คันนาดา เกาหลี ลัตเวีย ลิธัวเนีย มาเลย์ มาลายาลัม มาราธี นอร์เวย์ โอริยะ โปแลนด์ โปรตุเกส (บราซิล, โปรตุเกส) โรมาเนีย รัสเซีย เซอร์เบีย สโลวัก สโลเวเนีย สเปน สวีเดน ตากาล็อก ทมิฬ เตลูกู ไทย ตุรกี ยูเครน และเวียดนาม

ห้องสมุดดิจิตอลโลกยูเอ็น

ห้องสมุดดิจิตอลโลกหรือ World Digital Library เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการที่สำนักงานใหญ่ยูเนสโก (UNESCO) ที่กรุงปารีส เปิดกว้างให้ประชากรโลกสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้หลากรู้แบบทั้งหนังสือ แผนที่ เมนูสคริปต์ ภาพยนตร์ และรูปภาพได้ฟรีไม่ว่าผู้ใช้จะอยู่มุมไหนบนโลกกลมๆใบนี้


นี่คือห้องสมุดดิจิตอลเสรีขนาดใหญ่แห่งที่ 3 แล้วนับตั้งแต่โลกได้รู้จักบริการสแกนหนังสือเพื่อการค้นหาของกูเกิล Google Book Search และโครงการองค์ความรู้ออนไลน์ของสหภาพยุโรป (EU) นาม Europeana สำหรับโครงการห้องสมุดดิจิตอลโลกที่เปิดให้บริการในนามสหประชาชาตินี้เปิด ให้บริการที่ wdl.org ให้ประชากรโลกได้เข้าชมภาพวาดและข้อมูลวัตถุโบราณของจีน ศิลปะเปอร์เซีย ไปจนถึงหลักฐานประวัติศาสตร์จากภาพถ่ายในพื้นที่ลาตินอเมริกาโดยไม่เสียค่า ใช้จ่ายใดๆ

โครงการนี้มีเจมส์ บิลลิงตัน (James Billington) บรรณารักษ์ห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน และโคอิชิโร มัตซุอุระ (Koichiro Matsuura) ผู้อำนวยการทั่วไปยูเนสโกดำเนินงานร่วมกัน บนจุดประสงค์เพื่อให้ประชากรโลกเข้าถึงข้อมูลจากห้องสมุดและแหล่งข้อมูลทั่ว โลกได้อย่างทั่วถึง เน้นการเผยแพร่ข้อมูลซีกโลกตะวันออก เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างสองวัฒนธรรมที่ดีขึ้น และช่วยให้คณาจารย์ทั่วโลกมีแหล่งค้นหาข้อมูลการสอนใหม่ๆที่ถูกต้องและครบ ถ้วน


ผู้ที่รับหน้าที่ให้บริการโครงการนี้คือองค์การวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และการศึกษาของสหประชาชาติหรือ UN Educational, Scientific and Cultural Organization ร่วมกับสถาบันพันธมิตรอีกกว่า 32 แห่ง ผู้พัฒนาคอนเทนท์ภายในคือห้องสมุดรัฐสภาสหรัฐฯหรือ US Library of Congress ห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้ เริ่มทดสอบโครงการตั้งแต่ปี 2007 หรือ 2 ปีที่แล้ว ให้บริการ 7 ภาษาหลักของโลก ได้แก่ ภาษาอาหรับ จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกส รัสเซีย และภาษาสเปน โดยมีข้อมูลทางวัฒนธรรมเพิ่มเติมในภาษาอื่นจาก 19 สถาบันวัฒนธรรมและห้องสมุดทั่วโลกด้วย เช่น สถาบันจากประเทศบราซิล อังกฤษ จีน อียิปต์ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น รัสเซีย ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอเมริกา

รายงาน ระบุว่าข้อมูลที่ worlddigitallibrary.org ได้จากสถาบันเหล่านี้ไม่ใช่ข้อมูลพิเศษที่สถาบันมอบให้กับ worlddigitallibrary.org รายเดียว แต่ก็เป็นข้อมูลที่มีความละเอียดเหมาะแก่การค้นคว้าของผู้เชี่ยวชาญ โดยคณะทำงานตั้งความหวังว่าจะขยายเขตความร่วมมือให้ครอบคลุม 60 ประเทศในปีนี้ เช่นสถาบันในโมร็อคโค ยูกันดา แมกซีโก และสโลวาเกีย ที่ได้ตกลงเซ็นเอ็มโอยูในการทำงานร่วมกันในโครงการนี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ถือว่าแจ้งเกิดช้าเนื่องจากบริษัทเอกชนอย่างกูเกิลได้เปิดตัว บริการค้นหาหนังสือออนไลน์ลักษณะคล้ายกับห้องสมุดโลกแล้วในชื่อ Google Book Search ตั้งแต่ปี 2004 มีการสแกนหนังสือกว่า 7 ล้านเล่มและอัปโหลดขึ้นไปเก็บไว้ใน books.google.com บนความร่วมมือระหว่างห้องสมุดในมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯและประเทศอื่นๆ แต่แล้วกูเกิลก็ต้องปวดหัวกับปัญหาลิขสิทธิ์หนังสือทั้งจากผู้เขียนและสำนัก พิมพ์ของสหรัฐฯเอง กระทั่งต้องเสียเงินยอมความไปกว่า 125 ล้านเหรียญและดำเนินการเจรจาเพื่อยุติปัญหาที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปี

สรุปผลการเจรจาของกูเกิลและเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือที่เกิดขึ้นใน เดือนตุลาคมที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่าหนังสือที่เป็นสมบัติสาธารณะ จะเปิดให้ผู้ใช้กูเกิลดาวน์โหลดหนังสือได้ทั้งเล่ม ขณะที่หนังสือสงวนลิขสิทธิ์จะเปิดให้ผู้ใช้ชมฟรีได้ 20 เปอร์เซ็นต์ของหนังสือ ซึ่งหากต้องการใช้เพิ่มเติมจะต้องชำระเงินให้เจ้าของลิขสิทธิ์ วิธีการนี้เป็นที่พอใจของสำนักพิมพ์และผู้แต่งหนังสือเนื่องจากสามารถหาราย ได้ทั้งในแง่การขายและการโฆษณา

ปลายปี 2006 ยักษ์ใหญ่ซอฟต์แวร์อย่างไมโครซอฟท์ (Microsoft) ออกมาเปิดตัวโครงการห้องสมุดเช่นกัน แต่กลับประกาศยกเลิกโครงการไปใน 18 เดือนถัดมาทั้งที่ได้สแกนหนังสือไปแล้วกว่า 750,000 เล่มซึ่งแปลว่าไมโครซอฟท์ยอมถอยทัพให้กูเกิลแต่โดยดี

โครงการสาธารณะที่ถือว่าเป็นทางเลือกอื่นนอกจาก Google Books คือโครงการห้องสมุดดิจิตอลของสหภาพยุโรปนาม Europeana ให้บริการที่ www.europeana.eu มีกำหนดการทดสอบบริการถึงปี 2010 ปัจจุบันมีผู้ชมราว 40,000 คนต่อวัน เปิดให้ผู้ใช้เข้าถึงสื่อสาธารณะ 4.6 ล้านชิ้น เช่น หนังสือ ภาพยนตร์ ภาพวาด ภาพถ่าย เสียง แผนที่ เมนูสคริปต์ และหนังสือพิมพ์เก่าซึ่งถูกเก็บในนานาห้องสมุดของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป คาดว่าจะมีสื่อสาธารณะถูกสแกนและอัปโหลดเพิ่มเป็น 10 ล้านชิ้นในปี 2010

จากผู้จัดการ Online