เน็ตบุ๊กเมิน XP

ชิปเซตใหม่เน็ตบุ๊กเมิน XP

รายงานข่าวแจ้งว่า ยอดขายเน็ตบุ๊กของบริษัทผู้ผลิตชั้นนำอย่างเอเซอร์ อะซุส และเอชพีในช่วงไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้จะพลาดเป้าไปเล็กน้อย ซึ่งทางด้านผู้ผลิตโพรเซสเซอร์ยักษ์ใหญ่อย่างอินเทล ก็ได้เห็นแนวโน้มของยอดขายชิป Atom ที่ลดลงด้วยเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งบริษัทผู้ผลิตชิปและเน็ตบุ๊กคาดว่าจะสามารถดึงยอดขายที่ขาดไปกลับมาได้

เนื่องจากทางอินเทลได้ออกโพ รเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้นอย่าง Atom N280 1.6GHz โดยจะทำงานร่วมกับชิปเซตใหม่นั่นคือ Intel GN40 ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นก็คือ ความสามารถทางด้าน 3D ที่เพิ่มขึ้น และฮาร์ดแวร์การถอดรหัสวิดีโอ ทำให้เน็ตบุ๊กที่ใช้ชิปเซตใหม่นี้จะสามารถเล่นเกม และวิดีโอไฮเดฟฯตามที่ได้มีการรายงานข่าวให้ทราบไปแล้วก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ผู้บริโภคควรทราบก็คือ ระบบปฏิบัติการ Windows XP ที่ไปกับเน็ตบุ๊กทุกวันนี้จะไม่สามารถใช้ข้อได้เปรียบดังกล่าวได้ เนื่อง จากชิปเซต Intel GN40 จะมีการทำงานร่วมกับ DirectX 10 และ DirectX Video Acceleration 2.0 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่อยู่ใน Vista ไม่ใช่ Windows XP ทางผู้ผลิตกล่าวย้ำว่า คุณจำเป็นต้องใช้ Vista กับเน็ตบุ๊กจึงจะสามารถใช้คุณสมบัติดังกล่าวของชิปเซตได้ อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า เน็ตบุ๊กที่ใช้ชิปเซตใหม่นี้อาจจะมาพร้อมกับ Windows 7 Starter ก็ได้

รวยด้วยโปรแกรมยอดนิยมใน App Store

อีกไม่นาน App Store ก็จะเข้าสู่หลักชัยใหม่แตะยอดโหลดที่ 1,000 ล้านครั้ง ณ โอกาสเดียวกันนี้ App Store ก็ได้นำเอาโปรแกรมยอดนิยมตลอดการทั้งแบบฟรี และแบบเสียเงินมาจัดอันดับให้เราได้ดูกัน จากรายงานจาก MacRumors ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ของบางโปรแกรมที่ค่อนข้างน่าสนใจมาก

โปรแกรม Koi Pond ซึ่งติดอันดับ 2 โปรแกรมยอดนิยมรายงานผ่าน New York Times ว่ามียอดโหลดกว่า 900,000 ครั้ง หลังจากหักค่าธรรมเนียมกับ Apple แล้วผู้พัฒนามีรายได้ 623,000 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยก็กว่า 22 ล้านบาทเลยทีเดียว !!!

โปรแกรม Enigmo เป็นเกมส์ลับสมอง มีการแจ้งว่ามียอดโหลดกว่า 810,000 ครั้งนับตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว จนถึงมกราคมต้นปีที่ผ่านมา สำหรับรายได้นั้นคำนวณไม่ได้เพราะโปรแกรมมีการปรับราคาหลายช่วง ช่วงแรกๆราคา 9.99 เหรียญ และปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ 0.99 เหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตามคงสร้างรายได้ให้กับนักพัฒนาไปไม่น้อยเลยทีเดียว

โปรแกรม Pocket God ติดอันดับ 12 ในอันดับดังกล่าว มีรายงานว่ามียอดโหลดกว่า 500,000 ครั้ง สร้างรายได้กว่า 350,000 เหรียญสหรัฐ หรือกว่า 12 ล้านบาทไทย

และโปรแกรม iShoot พัฒนาโดยโปรแกรมเมอร์คนเดียว เปิดเผยกับ New York Time ว่าใน 5 เดือนเขามีรายได้จาก App Store ถึงกว่า 800,000 เหรียญสหรัฐ หรือกว่า 28 ล้านบาท โปรแกรมของเขานั้นมูลค่า 2.99 เหรียญสหรัฐ เท่ากับว่ามียอดโหลดโปรแกรมของเขาถึงกว่า 380,000 ครั้งเลยทีเดียว

จะเห็นได้ว่า App Store นั้นเป็นโอกาสสำหรับนักพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรือนักพัฒนารายย่อยได้อย่างที่ Apple กล่าวอ้างจริงๆ อย่างไรก็ตามโอกาสที่โปรแกรมดังกล่าวจะได้รับความนิยมก็ไม่ใช่เรื่องง่าย  ปัจจุบันน่าจะมีโปรแกรมใน App Store แล้วกว่า 30,000 โปรแกรม แม้กระนั้นก็ยังคงเป็นตลาดที่มีโอกาสทางธุรกิจรออยู่อีกมาก ปัจจุบันในไทยเราก็เริ่มมีหลายบริษัทให้ความสนใจให้นักพัฒนาของตนเตรียมความ พร้อม สำหรับการพัฒนาโปรแกรมลงใน App Store กันบ้างแล้ว

Credit : apple191

อีเมลหวัดหมูชื่อลวงมาดอนน่าติดเชื้อ

ใครที่กำลังกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่แมกซีโก อย่าปล่อยให้ความกลัว ความอยากรู้ หรือความห่วงใยอาการผู้ติดเชื้อกลายเป็นแรงผลักให้คุณกดลิงก์หลอกลวงอย่าง เต็มใจ จนเป็นเหยื่อโอชะของนักสแปมเมอร์หรือผู้ส่งอีเมลขยะ ซึ่งพยายามหาผลประโยชน์ท่ามกลางเรื่องเดือดร้อนของคนอื่น ล่าสุดมีการพบอีเมลขยะที่ตั้งชื่อลวงว่านักร้องสาวใหญ่สุดเซ็กซี่อย่างมาดอน น่า ได้รับเชื้อไข้หวัดมฤตยูแล้ว

การประกาศเตือนภัยอีเมลขยะชื่อเรื่องหวัดหมู (Swine Flu) หรือไข้หวัดแม็กซิโกนั้นเกิดขึ้นที่เว็บบล็อก (Advert Labs Blog ในเครือ McAfee) เมื่อพิจารณาการเตือนภัยที่เกิดขึ้นพบว่าสแปมเมอร์ยังคงใช้วิธีล่อลวงเดิมๆ นั่นคือใช้เรื่องราวที่เป็นกระแสสังคมในขณะนั้นมาตั้งชื่อเมลเพื่อหวังจะล่อ ลวงให้เหยื่อเปิดไฟล์แนบไวรัส หรือแนบลิงก์เพื่อส่งเหยื่อเข้าสู่เว็บไซต์หลอกลวง ซึ่งล้วนทำให้คอมพิวเตอร์ของเหยื่อถูกควบคุมการทำงานโดยที่เจ้าของเครื่อง ไม่รู้ตัว เช่นการส่งต่ออีเมลขยะที่ใช้ข้อความลวงเรื่องไข้หวัดแม็กซิโกเป็นลูกโซ่ต่อ ไปเรื่อยๆ

เรื่อง นี้เดวิด มาร์คัส (David Marcus) ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ของแมคอาฟีให้ความเห็นว่า ข่าวคราวไข้หวัดใหญ่แม็กซิโกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นคลายความสับสนลงมาก แล้ว แต่เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ทำให้นักส่งอีเมลขยะฉวยโอกาสเพื่อขยายฐานเมลลวง โดยบริษัทสามารถตรวจจับอีเมลขยะซึ่งตั้งชื่อล่อลวงเกี่ยวกับสถานการณ์การ แพร่ระบาดได้มากมาย เมลบางฉบับถึงกับตั้งชื่อเรื่องว่า “Madonna caught swine flu!” หรือมาดอนนาติดเชื้อไข้หวัดแม็กซิโก รวมถึงการล่อลวงว่ามีข้อมูลสถิติการติดเชื้อในสหรัฐฯแนบมาในเมลด้วย เช่น “US swine flu statistics” และ “Swine flu in USA”

ก่อนหน้าเรื่องไข้หวัดแม็กซิโก สแปมเมอร์เคยฉวยประโยชน์จากช่วงเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ส่งอีเมลลวงที่ตั้งชื่อเมลในประเด็นทางการเมืองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคน ออนไลน์อเมริกัน โดยทั้งสองครั้งสามารถใช้คำแนะคำเดียวกันได้เลย นั่นคือไม่คลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์ๆจากอีเมลที่มีชื่อเรื่องน่าตกใจเกิน จริงลักษณะนี้ รวมถึงอัปเดทโปรแกรมรักษาความปลอดภัยในเครื่องอยู่เสมอ

ข่าวลือ PSP Go!

ข่าว ลือเรื่องเครื่องเกมพกพาโมเดลใหม่จากโซนี่ คอมพิวเตอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ “เพลย์สเตชัน พอร์ตเทเบิล” (PSP)นั้น มีออกมาสร้างกระแสทุกๆเดือนให้เหล่าผู้คนที่ติดตาม Gadget ใหม่ๆได้ตื่นเต้นกันตลอด ล่าสุดก็มีข่าวลือใหม่ที่เพิ่มรายละเอียดความชัดเจนของ PSP ตัวใหม่ออกมาอีกแล้วกับ “PSP Go!” 2 ความจุ

เว็บไซต์ 1up.com เป็นผู้เปิดเผยข่าวลือใหม่ว่า บริษัทโซนี่จะเปิดตัวเครื่องเกมพกพาใหม่ในชื่อ “PSP Go!” ที่งานมหกรรมเกมโชว์ E3 ในเดือน มิ.ย. โดยเครื่องเกมรุ่นดังกล่าวจะออกมาวางขายช่วงปลายปีนี้ ญี่ปุ่นจะวางขายเดือน ก.ย. ขณะที่อเมริกาอาจจะออกมาราวๆปลายเดือน ต.ค. หรือไม่ก็ต้นเดือน พ.ย. พร้อมย้ำข่าวก่อนหน้านี้ว่า จะไม่มีไดร์ฟฟอร์แมต UMD บนเครื่องรุ่นนี้ แต่จะใช้หน่วยความจำแบบแฟลช เมมโมรี่ในตัวเครื่อง แยกออกเป็นรุ่นที่มีความจุ 8 GB และ 16 GB

ด้านซอฟต์แวร์เกมจะเปลี่ยนช่องทางการจำหน่ายมาในรูปแบบของการดาวน์ โหลดผ่านทางออนไลน์ (PSN) ทั้งเกมคลาสสิกว่า 100 เกม และเกมใหม่ๆด้วย โดยหนึ่งในเกมแม่เหล็กที่โซนี่วางหมากเอาไว้ว่าจะเป็นเกมกลุ่มแรกที่รองรับ เครื่องเกมใหม่ ก็คงเป็นเกมแข่งรถตระกูล GT เวอร์ชันพกกา”Gran Turismo Mobile” ที่มักเลื่อนการวางจำหน่ายมาตลอด

ข่าวลือยังยืนยันอีกว่า PSP โมเดลนี้จะมีหน้าจอแบบเลื่อนสไลด์ได้ ,ปุ่มd-pad และไม่มีแกนแอนนาล็อกเพิ่มขึ้นมาอีกตัวแต่อย่างใด รวมไปถึงขนาดของหน้าจอที่ 800×480 พิกเซล แบบทัชสกรีน พร้อมกับกล้องติดอยู่ด้านหลัง

ก่อนหน้านี้ มีการคาดเดากันต่างๆนานาว่า โซนี่จะเรียกเครื่องเกมโมเดลใหม่ว่า PSP 2 หรือ PSP-4000 แต่ทว่าแหล่งข่าวของ 1up อ้างว่า โซนี่จะไม่ใช่ชื่อดังกล่าวมาต่อท้าย ซึ่งพวกเขาได้ยินโค้ดเนมมาหลากหลายชื่อ (PSP Slide, PSP Flip, และ PSP Go!) แต่ความเป็นไปได้ที่โซนี่จะเลือกใช้ ดูเหมือนว่าจะเป็นแบรนด์ “Go!” มากกว่า (สอดรับกับอุปกรณ์เสริมที่ออกมาก่อนหน้านี้ อย่าง Go!View และ Go!Cam)

เปลี่ยนจากข่าวลือมาที่ข่าวจริงกันบ้าง ด้วยเครื่องเล่นเกมพกพาที่มีทั้งชื่อและรูปทรงละม้ายกับเครื่องเกมโซนี่ยัง ไงยังงั้น โดยใช้ชื่อว่า “PXP-900” แต่เจ้าเครื่องตัวนี้ มิได้ข้ามขั้นมาใช้เล่นเกมของ PSP แต่อย่างใด แต่มันใช้เล่นได้เพียงเกมเก่าย้อนยุคเท่านั้น อาทิ NES, Famicom, Gameboy, Gameboy Color, Super Famicom ,SEGA MegaDrive และบางเกมของ ROM 32-บิต


PXP-900

คุณสมบัติอื่นๆที่ติดตัวมาด้วย ก็มีอย่างจอขนาด 4.3 นิ้ว ,หน่วยความจำในตัว 2 GB,การฟังวิทยุ FM, เล่นไฟล์วิดีโอขนาด 320 x 240 ได้ที่เฟรมเรต 25 เฟรมต่อวินาที ,รองรับไฟล์ MP3-MP4-AVI-RM-RMVB-WMV-ASF-MPG-MPEG-MPE-DAT-MOV-DAT-WMA-APE-FLAC- AMR-AAC+,ดูภาพฟอร์แมต JPEG-GIF-BMP (ซูมได้),อ่านไฟล์ .txt ได้,ช่องเสียบสัญญาณออกจอทีวี,สลอต USB 2.0,หูฟัง 3.5mm,ไมค์,ลำโพง 23mW ,ปรับเสียง EQ ได้ 6 โหมด และกล้องในตัวด้วย

ทั้งนี้ ผู้ใช้สามารถเพิ่มความจุได้เป็น 4GB โดยมีเครื่อง 4 สีให้เลือก ดำ,ขาว,แดง และน้ำเงิน ใช้แบตเตอรี่ลิเธี่ยมแบบชาร์จได้ และมีเมนูเครื่องให้เลือกได้ทั้งภาษาจีนและอังกฤษ สนนราคาอยู่ที่ 89.99 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,200 บาท

แฮคเกอร์เจาะ Windows 7

รายงานข่าวล่าสุดอีกชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับ Windows 7 ซึ่งอาจจะเป็นข่าวที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากในงานประชุมเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัย Hack In The Box (HITB) ที่จัดขึ้นในดูไบเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ทีมวิจัยได้สาธิตการแฮคเข้าไปในระบบปฏิบัติการ Windows 7 ด้วยซอฟต์แวร์ที่พวกเขาพัฒนาขึ้น

ซอฟต์แวร์ดังกล่าวมีชื่อว่า VBootkit 2.0 พัฒนาโดย Vipin Kumar และ Nitin Kumar สามารถใช้ช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการ Windows 7 ผ่านเข้าไปควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ได้ในระหว่างที่กำลังบู๊ตเครื่อง ซึ่งการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ที่พบนี้จะไม่เหมือนกับวิธีทั่วไป เนื่องจากมันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ Windows 7 ไปเลยจนกว่าจะมีการเขียนทับ หรือติดตั้งโอเอสเข้าไปใหม่

ตัวอย่าง การแฮคเข้าไปในระบบของ Vista ด้วย vbootkit เวอร์ชันแรกที่สามารถทะลุทะลวงละเมิดสิทธิ์ปิดระบบรักษาความปลอดภัยบน เครื่องของเหยื่อได้

“ไม่มีทางแก้ไขได้ และมันก็แก้ไขไม่ได้ เนื่องจากเป็นปัญหาของการออกแบบ(windows7)” Vipin กล่าว อย่างไรก็ตาม การแฮคดังกล่าวจะไม่สามารถกระทำระยะไกลผ่านทางเครือข่ายได้ แฮคเกอร์ที่ใช้วิธีนี้จะต้องกระทำการที่เครื่องของเหยื่อเท่านั้น โปรแกรม VBootkit 2.0 มีขนาดแค่ 3 กิโลไบต์เท่านั้น โดยมันสามารถเปลี่ยนให้โหลดไฟล์ต่างๆ ตามที่ต้องการผ่านเข้าไปในหน่วยความจำระบบระหว่างที่มีการบู๊ต Windows 7 เนื่องจากมันไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆ บนฮาร์ดดิสก์ VBootkit 2.0 จึงถูกตรวจจับได้ยาก ดังนั้นการรีบู๊ตเครื่องก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้โปรแกรมอันตรายนี้โหลด โมดูลอื่นเข้าไปแทนโปรแกรมรักษาความปลอดภัยของเครื่อง เพื่อเปิดช่องให้แฮคเกอร์สามารถเข้าถึงจากบนเน็ต และทำการยกระดับสิทธิ์ในการเข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ ตลอดจนแก้ไขพาสเวิร์ด ค้นข้อมูล ตลอดจนแก้ไขพาสเวิร์ดเดิมให้กับผู้ใช้ โดยที่เหยื่อไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

สำหรับ VBootkit 2.0 เป็นเวอร์ชั่นสองของโปรแกรม โดยเวอร์ชั่นแรกได้นำออกสาธิตการเจาะระบบ Windows Vista เมื่อปี 2007 เพื่อเผยให้เห็นช่องโหว่ของระบบปฏิบัติการนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ทางไมโครซอฟท์ยังไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ ทั้งสิ้นต่อกรณีที่เกิดขึ้น

จาก Arip

Blender 2.49 RC1

Blender 2.49 ใกล้จะออกแล้วมีการปรับปรุงเรื่องต่าง ๆ ตามหัวข้อด้านล่าง

ดูรายละเอียดได้ตาม Link ด้านล่า

http://www.blender.org/development/current-projects/changes-since-248/

Oracle ซื้อ Sun

552000004773202ยักษ์ใหญ่ซอฟต์แวร์ธุรกิจอย่างออราเคิล (Oracle) ช็อกโลกไอทีด้วยการประกาศว่าพร้อมซื้อซันไมโครซิสเต็มส์ (Sun Microsystems) ด้วยราคา 7.4 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.59 แสนล้านบาท ผลที่เกิดขึ้นคือโปรแกรมภาษาจาวา (Java) ที่แฝงตัวอยู่ทั่วทุกแห่งในโลกไอทีนั้นจะต้องย้ายค่ายไปอยู่ใต้ชายคาออรา เคิลด้วย

ไม่เพียงออราเคิลจะเป็นเจ้าของภาษาจาวา ซึ่งอุปกรณ์พกพาทั่วโลกกว่า 1 พันล้านชนิดรองรับการทำงานอยู่ในขณะนี้ ออราเคิลจะได้ระบบปฏิบัติการ Solaris และซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล MySQL ไว้ในครอบครองด้วย

จริง อยู่ที่เพชรทั้ง 3 เม็ดนี้เป็นโอเพ่นซอร์สที่มีการแจกจ่ายฟรีอย่างแพร่หลายบนอินเทอร์เน็ต แต่ที่ผ่านมา ซันสามารถทำเงินจากการให้บริการแก้ไขและบำรุงรักษาระบบโอเพ่นซอร์สเหล่านี้ แก่องค์กรบริษัทอย่างเป็นกอบเป็นกำ จุดนี้ออราเคิลเชื่อว่า หลังการควบรวม ออราเคิลจะสามารถบริหารงานและทำเงินจากธุรกิจนี้ได้มากกว่าที่ซันเคยทำได้

สนนราคา 7.4 พันล้านเหรียญที่ออราเคิลจะได้ซันมาครอบครองนั้นคิดเป็นมูลค่าหุ้นเฉลี่ย 9.5 เหรียญต่อหุ้น สูงกว่าที่ไอบีเอ็มเคยเสนอไว้ 9.4 เหรียญ ออราเคิลแสดงว่าตัวเองเห็นความคุ้มค่าของซันด้วยการประกาศว่า จาวาคือซอฟต์แวร์ภาษาคอมพิวเตอร์ที่สำคัญที่สุดเมื่อเทียบกับซอฟต์แวร์ที่ออ ราเคิลเคยซื้อมา จุดนี้นักวิเคราะห์ช่วยตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ธุรกิจใหม่ของออราเคิลนาม Oracle Fusion Middleware ที่เติบโตอย่างรวดเร็วนั้นก็มีพื้นฐานบนจาวา ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆของซันอย่างระบบปฏิบัติการ Sun Solaris ก็เป็นแพลตฟอร์มหลักที่ออราเคิลสนับสนุนมาโดยตลอด

มูลค่าหุ้นของซันเพิ่มขึ้น 36.77 เปอร์เซ็นต์รับข่าวนี้ ปิดที่ 9.15 เหรียญสหรัฐ ขณะที่มูลค่าหุ้นของออราเคิลลดลง 1.26 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 18.82 เหรียญ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐฯ

แลรี่ เอลลิสัน (Larry Ellison) ซีอีโอออราเคิลกล่าวในแถลงการณ์ว่า การควบรวมกับซันครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมไอทีโลก ระบุว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการประสานกันระหว่างซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร ประสิทธิภาพเยี่ยมและระบบการคำนวณคุณภาพสูง

” ออราเคิลจะเป็นเพียงบริษัทเดียวที่สามารถวางระบบและแอปพลิเคชันครบวงจรเพื่อ การทำงานร่วมกันขององค์กรได้ในราคาที่ถูกลง แต่มีความเสถียร มั่นคงปลอดภัยมากขึ้น เชื่อว่า การซื้อซันจะทำให้บริษัทสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น 1.5 พันล้านเหรียญในช่วงปีแรก และจะเพิ่มเป็นตัวเลขเกิน 2 พันล้านเหรียญในปีต่อไป”

สอดคล้องกับ สก็อต แมคเนียลี (Scott McNealy) ประธานซันที่เรียกดีลนี้ว่า “การให้นิยามใหม่แก่อุตสาหกรรม” โดยขณะนี้ ทั้งซันและออราเคิลยังต้องรอมติอนุมัติจากผู้ถือหุ้นซันอย่างเป็นทางการอีก ครั้ง พร้อมกับการอนุมัติจากคณะกรรมการตรวจสอบหลักทรัพย์สหรัฐฯ ด้วย คาดว่าการควบรวมจะแล้วเสร็จภายในฤดูร้อน ปีนี้

นัก วิเคราะห์เชื่อว่าการซื้อซันจะทำให้ออราเคิลมีภาษีที่ดีขึ้นในธุรกิจ ฮาร์ดแวร์ เนื่องจากซันมีดีกรีเป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก แม้ว่าจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้ไอบีเอ็ม เอชพี และเดลล์อย่างต่อเนื่องก็ตาม ขณะเดียวกัน ออราเคิลจะได้รับส่วนแบ่งในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์มากขึ้น และสามารถให้บริการระบบแอปพลิเคชันแบบฝังรวมที่ครบวงจรได้ดียิ่งขึ้น ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ

ในส่วนของซัน นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าการถูกซื้อบริษัทจะทำให้ซันหายใจได้ทั่วท้องตาม ที่ต้องการ แต่จะยังมีความสับสนในอนาคตธุรกิจฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของซัน เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่าออราเคิลจะจัดการกับธุรกิจฮาร์ดแวร์ของซัน อย่างไรในยุคที่ซันมีแนวโน้มส่วนแบ่งตลาดลดลงต่อเนื่องเช่นนี้

ในส่วนอื่นๆ นักวิเคราะห์เชื่อว่าไอบีเอ็มจะหันกลับมาทบทวนกลยุทธ์ของตัวเองอีก ครั้งอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ การเจรจาซื้อขายบริษัทระหว่างซันและออราเคิลจะสร้างจุดสนใจให้กับคณะกรรมการ กำกับดูแลการค้ายุติธรรมสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ที่ออกมาแสดงความกังวลต่อข่าวลือว่าไอบีเอ็มจะซื้อซันซึ่งเกิด ขึ้นก่อนหน้านี้

ขณะนี้ ซันมีพนักงานทั่วโลก 33,500 คน ถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่า 12,000 คนซึ่งเป็นยอดพนักงานบริษัท PeopleSoft ที่ออราเคิลซื้อมารายล่าสุดด้วยเงิน 1.11 หมื่นล้านเหรียญเมื่อปี 2005 โดยขณะนี้ออราเคิลมีพนักงานราว 86,000 คนบนตัวเลขรายได้ปีงบการเงินล่าสุด 2.24 หมื่นล้านเหรียญ

จากผู้่จัดการ Online

Final Fantasy XIII (PS3) Demo

หลังจากผิดหวังกับเกม RPG ญี่ปุ่นที่สร้างลงเครื่องเกมยุคนี้กันไปเล็กน้อย จนเหมือนกับว่าเกมแนวนี้มันตกยุคไปแล้วหรือ? อย่างไรก็ตามปีนี้ยังมีเกม RPG ฟอร์มยักษ์ออกถึง 2 เกมพร้อมกันทั้ง “Dragon Quest IX” ที่จะออกเดือนกรกฎาคม(ถ้าไม่เลื่อนอีก) กับ “Final Fantasy XIII” ที่จะออกปลายปี และเพื่อกระตุ้นกระแส ทางสแควร์ เอนิกซ์ ก็ได้ฤกษ์ปล่อยแผ่น ” Final Fantasy XIII Demo” ที่แถมมากับแผ่นบลู-เรย์ ภาพยนตร์แอนิเมชัน “Final Fantasy VII Advent Children Complete” มาเสียที จึงไม่พลาดที่จะต้องเสาะหานำมารีวิว

552000004719901

ตัวเกมเริ่มต้นด้วย CG คุณภาพเยี่ยม ทั้งคุณภาพและการกำกับ ส่วนการออกแบบศิลป์ กับการออกแบบตัวละครยังคงความเป็น Final Fantasy อยู่อย่างครบถ้วน แต่ได้เพิ่มความเป็นสากลลงไปพอสมควร รายละเอียดของฉากเมื่อมาโลดแล่นอยู่บนหน้าจอ LCD แบบ Full HD นั้นทำได้เยี่ยมสมราคาคุย แม้ว่าทางทีมงานจะบอกว่าใน Demo นี้มันยังแสดงผลได้ไม่เต็มที่ก็ตาม ทั้งแสงเงาพื้นผิวทำได้สุดยอด อาจจะไม่ได้ละเอียดสมจริงนัก คงต้องเข้าใจก่อนว่ามันเป็นการออกแบบมันเป็นแนว Fantasy ส่วนอาการเฟรมเรตตกมีให้เห็นน้อยมาก โดยมุมมองในเกมยังคงเป็นมุมมองบุคคลที่ 3 ที่สามารถบังคับมุมกล้องได้ด้วยแกนแอนนาล็อกขวา แต่ในบางจุดตัวเกมก็ไม่สามารถปรับมุมกล้องได้เพื่อไม่ให้สับสน

ในแผ่นเดโมนี้เราจะได้เล่น 2 ส่วน โดยในช่วงแรกเราจะได้เล่นเป็น นางเอก Ligthning กับพี่หัวฟู Sazh Katzroy และช่วงหลังเราจะได้เล่นเป็นตัวเอก Snow กับกองกำลังต่อต้าน โดยในภาคนี้ เราจะเห็นตัวศัตรูบนฉากแบบเกมในตระกูลซาก้า และไม่มีค่า MP ส่วนระบบการเล่นยังคงเป็นเกม RPG แบบเทิร์นเบสแบบเรียลไทม์ที่ในฉากต่อสู้นั้นตัวละครไม่ได้มายืนเรียงแถวแล้ว เดินไปตี ตัวละครมีการเคลื่อนไหวตลอด และมีการหลบหลีกการโจมตีเหมือนเกมแอ็คชัน (ผู้เล่นบังคับตัวละครไม่ได้ แต่บังคับมุมกล้องได้)ทำให้การต่อสู้มีความสมจริงมาก และที่ประทับใจผู้เขียนมากก็คือ ระยะเวลาการตัดเข้าฉากต่อสู้ที่แทบจะไม่มีการโหลดเลย เรียกได้ว่าเป็นเกมแนวเทิร์นเบสที่มีการตัดเข้าฉากต่อสู้ได้เร็วที่สุดเท่า ที่เคยมีมาเลยทีเดียว

ส่วนการใส่คำสั่งแบ่งออกเป็นหลักๆคือ โจมตี ,มนต์ดำและขาว โดยผู้เล่นต้องเลือกคำสั่งที่ต้องการมาใส่ช่องคำสั่ง โดยช่องคำสั่งนั้นจะเป็นแถบยาวๆที่มีระยะเวลาเป็นตัวกำหนดการใส่คำสั่ง ยิ่งเราต้องการใส่คำสั่งเพื่อโจมตีเพื่อทำหลายคอมโบก็ต้องรอกันนานมากขึ้น ในเบื้องต้นนั้นใส่ได้เพียง 3 คอมโบ และเวทมนต์แรงๆเช่นไฟก้า จะไม่สามารถทำคอมโบได้เพราะต้องเสียช่องในการใส่ทั้งหมด โดยการใช้คาถาเพื่อกำจัดศัตรูจำนวนมากนั้นสามารถกะระยะได้จากการที่ศัตรูยืน รวมกลุ่มกันก็จะสามารถกำจัดศัตรูได้มาก และการเลือกจัดชุดคอมโบให้เข้ากับศัตรูและสถานการณ์นั้นๆจะส่งผลต่อความแรง ของการโจมตีด้วย โดยเฉพาะท่าคอมโบโดยอัดศัตรูไปกลางอากาศแล้วตามซ้ำที่สวยงามและรุนแรง และมีการต้านการโจมตีกันเหมือนที่เห็นในเกมแอ็คชันทั่วไป จากการคาดเดาเชื่อได้เลยว่า เกมตัวเต็มนั้นจะต้องมีการตั้งค่าทำคอมโบจะทำได้หลากหลาย ต่อเนื่องไม่แพ้เกมแอ็คชัน และมันต้องเป็นเกม RPG ที่มีความรวดเร็วลื่นไหลในการเล่นมากๆ

สำหรับแผ่น Demo นี้เราจะไม่สามารถตั้งค่าอะไรได้เลยเพราะไม่สามารถเข้าเมนูได้ และเราจะสามารถบังคับตัวละครในฉากต่อสู้ได้แค่คนเดียวเท่านั้น (ที่เหลือจะเป็น NPC) ส่งผลให้เราจะได้เรียนรู้ระบบเพียงแค่คร่าวๆเท่านั้น นอกจากนี้ตัวเกมยังค่อนข้างเป็นเส้นตรง ไม่มีอะไรซับซ้อน มีการเล่นสลับกับคัทซีนที่สวยงาม ประสานด้วยดนตรีประกอบที่ไพเราะ ตามแบบ Final Fantasy และที่สุดยอดคือ ตัวละครทุกคนมีเสียงพากย์ ไม่มีการคุยเป็น Text ให้เห็น หวังว่าตัวเต็มจะเป็นแบบนี้ไปตลอดเกม โดยรวมแล้วตัวเกมมีอะไรให้ลองน้อยไปหน่อย และใช้เวลาเล่นทั้งหมดประมาณ 45 นาที ดูจะสั้นไปนิด

สรุปแล้วคงจะวิจารณ์อะไรมากไม่ได้ในตอนนี้ เพราะที่ได้ลองเป็นเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นของเกมตัวเต็ม คงต้องรอให้เกมตัวเต็มออกในปลายปีนี้ ซึ่งถ้าทำแบบเดโมนี้ได้ตลอดทั้งเกม ทั้งการตัดโหลด ที่รวดเร็วสุดยอด ดนตรีที่สุดแสนไพเราะ , ระบบการต่อสู้ที่พัฒนาได้มากกว่านี้ทั้งการใส่คอมโบที่ต้องใส่ได้มากกว่านี้ (ซึ่งมันต้องมีแน่ๆ) รับรองว่าเกมนี้ได้คะแนนรีวิวเต็ม 10 จากหลายสำนักแน่นอน และแทบจะอดใจรอเกมตัวเต็มที่จะออกช่วงฤดูหนาวปลายปีนี้ไม่ไหวกันเลยทีเดียว แฟน Final Fantasy ห้ามพลาด

**ราคาแผ่นบลูเรย์ Final Fantasy VII Advent Children Complete ที่แถมแผ่น Demo Final Fantasy XIII อยู่ที่ประมาณ 2000-2300 บาท***

Darth.Vader (วงศกร ปฐมชัยวัฒน์)

จากผู้จัดการ Online