หลังจากผิดหวังกับเกม RPG ญี่ปุ่นที่สร้างลงเครื่องเกมยุคนี้กันไปเล็กน้อย จนเหมือนกับว่าเกมแนวนี้มันตกยุคไปแล้วหรือ? อย่างไรก็ตามปีนี้ยังมีเกม RPG ฟอร์มยักษ์ออกถึง 2 เกมพร้อมกันทั้ง “Dragon Quest IX” ที่จะออกเดือนกรกฎาคม(ถ้าไม่เลื่อนอีก) กับ “Final Fantasy XIII” ที่จะออกปลายปี และเพื่อกระตุ้นกระแส ทางสแควร์ เอนิกซ์ ก็ได้ฤกษ์ปล่อยแผ่น ” Final Fantasy XIII Demo” ที่แถมมากับแผ่นบลู-เรย์ ภาพยนตร์แอนิเมชัน “Final Fantasy VII Advent Children Complete” มาเสียที จึงไม่พลาดที่จะต้องเสาะหานำมารีวิว
ตัวเกมเริ่มต้นด้วย CG คุณภาพเยี่ยม ทั้งคุณภาพและการกำกับ ส่วนการออกแบบศิลป์ กับการออกแบบตัวละครยังคงความเป็น Final Fantasy อยู่อย่างครบถ้วน แต่ได้เพิ่มความเป็นสากลลงไปพอสมควร รายละเอียดของฉากเมื่อมาโลดแล่นอยู่บนหน้าจอ LCD แบบ Full HD นั้นทำได้เยี่ยมสมราคาคุย แม้ว่าทางทีมงานจะบอกว่าใน Demo นี้มันยังแสดงผลได้ไม่เต็มที่ก็ตาม ทั้งแสงเงาพื้นผิวทำได้สุดยอด อาจจะไม่ได้ละเอียดสมจริงนัก คงต้องเข้าใจก่อนว่ามันเป็นการออกแบบมันเป็นแนว Fantasy ส่วนอาการเฟรมเรตตกมีให้เห็นน้อยมาก โดยมุมมองในเกมยังคงเป็นมุมมองบุคคลที่ 3 ที่สามารถบังคับมุมกล้องได้ด้วยแกนแอนนาล็อกขวา แต่ในบางจุดตัวเกมก็ไม่สามารถปรับมุมกล้องได้เพื่อไม่ให้สับสน
ในแผ่นเดโมนี้เราจะได้เล่น 2 ส่วน โดยในช่วงแรกเราจะได้เล่นเป็น นางเอก Ligthning กับพี่หัวฟู Sazh Katzroy และช่วงหลังเราจะได้เล่นเป็นตัวเอก Snow กับกองกำลังต่อต้าน โดยในภาคนี้ เราจะเห็นตัวศัตรูบนฉากแบบเกมในตระกูลซาก้า และไม่มีค่า MP ส่วนระบบการเล่นยังคงเป็นเกม RPG แบบเทิร์นเบสแบบเรียลไทม์ที่ในฉากต่อสู้นั้นตัวละครไม่ได้มายืนเรียงแถวแล้ว เดินไปตี ตัวละครมีการเคลื่อนไหวตลอด และมีการหลบหลีกการโจมตีเหมือนเกมแอ็คชัน (ผู้เล่นบังคับตัวละครไม่ได้ แต่บังคับมุมกล้องได้)ทำให้การต่อสู้มีความสมจริงมาก และที่ประทับใจผู้เขียนมากก็คือ ระยะเวลาการตัดเข้าฉากต่อสู้ที่แทบจะไม่มีการโหลดเลย เรียกได้ว่าเป็นเกมแนวเทิร์นเบสที่มีการตัดเข้าฉากต่อสู้ได้เร็วที่สุดเท่า ที่เคยมีมาเลยทีเดียว
ส่วนการใส่คำสั่งแบ่งออกเป็นหลักๆคือ โจมตี ,มนต์ดำและขาว โดยผู้เล่นต้องเลือกคำสั่งที่ต้องการมาใส่ช่องคำสั่ง โดยช่องคำสั่งนั้นจะเป็นแถบยาวๆที่มีระยะเวลาเป็นตัวกำหนดการใส่คำสั่ง ยิ่งเราต้องการใส่คำสั่งเพื่อโจมตีเพื่อทำหลายคอมโบก็ต้องรอกันนานมากขึ้น ในเบื้องต้นนั้นใส่ได้เพียง 3 คอมโบ และเวทมนต์แรงๆเช่นไฟก้า จะไม่สามารถทำคอมโบได้เพราะต้องเสียช่องในการใส่ทั้งหมด โดยการใช้คาถาเพื่อกำจัดศัตรูจำนวนมากนั้นสามารถกะระยะได้จากการที่ศัตรูยืน รวมกลุ่มกันก็จะสามารถกำจัดศัตรูได้มาก และการเลือกจัดชุดคอมโบให้เข้ากับศัตรูและสถานการณ์นั้นๆจะส่งผลต่อความแรง ของการโจมตีด้วย โดยเฉพาะท่าคอมโบโดยอัดศัตรูไปกลางอากาศแล้วตามซ้ำที่สวยงามและรุนแรง และมีการต้านการโจมตีกันเหมือนที่เห็นในเกมแอ็คชันทั่วไป จากการคาดเดาเชื่อได้เลยว่า เกมตัวเต็มนั้นจะต้องมีการตั้งค่าทำคอมโบจะทำได้หลากหลาย ต่อเนื่องไม่แพ้เกมแอ็คชัน และมันต้องเป็นเกม RPG ที่มีความรวดเร็วลื่นไหลในการเล่นมากๆ
สำหรับแผ่น Demo นี้เราจะไม่สามารถตั้งค่าอะไรได้เลยเพราะไม่สามารถเข้าเมนูได้ และเราจะสามารถบังคับตัวละครในฉากต่อสู้ได้แค่คนเดียวเท่านั้น (ที่เหลือจะเป็น NPC) ส่งผลให้เราจะได้เรียนรู้ระบบเพียงแค่คร่าวๆเท่านั้น นอกจากนี้ตัวเกมยังค่อนข้างเป็นเส้นตรง ไม่มีอะไรซับซ้อน มีการเล่นสลับกับคัทซีนที่สวยงาม ประสานด้วยดนตรีประกอบที่ไพเราะ ตามแบบ Final Fantasy และที่สุดยอดคือ ตัวละครทุกคนมีเสียงพากย์ ไม่มีการคุยเป็น Text ให้เห็น หวังว่าตัวเต็มจะเป็นแบบนี้ไปตลอดเกม โดยรวมแล้วตัวเกมมีอะไรให้ลองน้อยไปหน่อย และใช้เวลาเล่นทั้งหมดประมาณ 45 นาที ดูจะสั้นไปนิด
สรุปแล้วคงจะวิจารณ์อะไรมากไม่ได้ในตอนนี้ เพราะที่ได้ลองเป็นเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นของเกมตัวเต็ม คงต้องรอให้เกมตัวเต็มออกในปลายปีนี้ ซึ่งถ้าทำแบบเดโมนี้ได้ตลอดทั้งเกม ทั้งการตัดโหลด ที่รวดเร็วสุดยอด ดนตรีที่สุดแสนไพเราะ , ระบบการต่อสู้ที่พัฒนาได้มากกว่านี้ทั้งการใส่คอมโบที่ต้องใส่ได้มากกว่านี้ (ซึ่งมันต้องมีแน่ๆ) รับรองว่าเกมนี้ได้คะแนนรีวิวเต็ม 10 จากหลายสำนักแน่นอน และแทบจะอดใจรอเกมตัวเต็มที่จะออกช่วงฤดูหนาวปลายปีนี้ไม่ไหวกันเลยทีเดียว แฟน Final Fantasy ห้ามพลาด
**ราคาแผ่นบลูเรย์ Final Fantasy VII Advent Children Complete ที่แถมแผ่น Demo Final Fantasy XIII อยู่ที่ประมาณ 2000-2300 บาท***
Darth.Vader (วงศกร ปฐมชัยวัฒน์)
จากผู้จัดการ Online
final fantasy XIII มีเเผ่นหนังรึเปล่าคะ
ไม่มีครับเป็น Game เท่านั้นเท่าที่ทราบนะครับ 🙂