เนื่องจากผมทำการย้าย Host ใหม่ทำให้ Board เก่าข้อมูลหายไปบ้างรบกวนสมาชิกสมัครใหม่ด้วยครับ
สำหรับ boardเก่าก็ เข้าไปอ่านได้ตามเดิมครับแต่ก็ให้มา Post ใน Board นะครับ
สำหร้บคนที่สนใจเกี่ยวกับโปรแกรม 3Ds max อ่านบทความได้ที่นี่
หวังว่าคงจะถูกใจเพื่อน ๆ นะครับ
มาวาดรูปใน Exel
สุด ๆ
ไมโครซอฟท์เปิดตัว Natal เทคโนโลยีสำหรับการเล่นเกมส์ที่ผู้เล่นไม่ต้องใช้จอยสติ๊ก แต่ใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายทุกส่วนควบคุมแทน ซึ่งว่ากันว่า มันเป็นประสบการณ์ในการเล่นเกมส์ที่เหนือกว่า Wii ของ Nintendo
Natal โค้ดเนมของโปรเจกต์ลับสำหรับต้นแบบอินเตอร์เฟซการเล่นเกมส์ Xbox 360 ที่ใช้เพียงแค่กล้องกับซอฟต์แวร์รู้จำเสียงและหน้าตาของผู้เล่น ซึ่งจะทำให้ ระบบสามารถจดจำท่าทางของผู้เล่น เพื่อใช้แทนการควบคุมด้วยจอยสติ๊ก
“เกมเมอร์ที่อยู่ในตัวผมกระโดดออกมาจากจิตวิญญาณ เมื่อได้ลองเล่นเกมด้วยสิ่งนี้” สตีเว่น สปิลเบิร์ก ผู้กำกับภาพยนต์กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวของไมโครซอฟท์กลางงาน Electronic Entertainment Expo (E3) ในลอสแองเจลลีส “ผมรู้สึกถึงวิวัฒนาการความก้าวหน้าในอดีต ซึ่งไมโครซอฟท์ไม่ได้กำลังประดิษฐ์ล้อขึ้นมาใหม่ แต่มันไม่เกี่ยวกับล้อเลย”
Natal จะทำให้ผู้เล่นสามารถขับเคลื่อนเกมส์ได้ด้วยการเคลื่อนไหวมือทั้งสอง อย่างเช่น ถ้าจะบังคับรถในจอให้เลี้ยว ก็ให้ทำท่าเหมือนกับว่า กำลังหมุนพวงมาลัย หรือถ้าเป็นเกมส์ ชกมวย ก็จะใช้การยกมือกำหมัดแทนอินเตอร์เฟซทีใช้ควบคุมเกมได้ทันที ซึ่งท่าทางของการเล่นก็จะแตกต่างไปตามเกมนั้นๆ โดยกล้องจะจับท่าทางของผู้เล่นในโลกของความเป็นจริง เพื่อนำไปตีความ และใช้ควบคุมแอคชันในโลกของเกมนั่นเอง ระบบสามารถสแกนหน้าตา และเสียงของผู้เล่น เพื่อรับรู้ว่า ใครเป็นผู้เล่นได้อีกด้วย Natal จะทำงานร่วมกับเครื่องเล่น Xbox 360 สำหรับกำหนดการวางตลาดคงต้องรอกันไปก่อน แต่ตอนนี้ที่ไม่ต้องรอก็คือ คลิปสาธิตการทำงาน ซึ่งรับรองว่า เมื่อได้ชมแล้ว คุณต้องรู้สึกอยากเล่นบ้างอย่างแน่นอน
สำหรับคลิปข้างบนนี้จะเป็น Seaman เด็กผู้ชายที่อยู่ในเกมจะตอบสนองการพูดคุยกับผู้เล่นผ่านทางการแสดงสีหน้า และเสียงของผู้เล่นด้วยเทคโนโลยี Face/Voice Recognition
* รายงาน ข่าวก่อนหน้านี้แจ้งว่า ไมโครซอฟท์ได้เข้าซื้อบริษัท ZCam เจ้าของเทคโนโลยี3DV การตรวจจับระดับความลึกของวัตถุที่อยู่ในวิดีโอที่จับภาพด้วยกล้องสามมิติ เพื่อนำไปใช้โต้ตอบกับสิ่งที่ปรากฎในวิดีโอเกมส์ ซึ่งทาง ZCam เองได้เคยนำเทคโนโลยีของตนไปแสดงในงาน CES 2008 ด้วย สำหรับคำว่า “natal” แปลว่า “เกี่ยวกับการเกิด” ซึ่งก็น่าจะหมายถึง การเกิดของผู้เล่นทีเข้าไปปรากฎอยู่ในเกมส์ คล้ายๆ กับคำว่า avatar (อวตาล) นั่นเอง แต่แนวคิดของโปรเจกต์ natal ตัวผู้เล่นจริงๆ กับตัวผู้เล่นในเกมส์ สเมือนเป็นคนๆ เดียวกัน
เจ้าของไอโฟนส่วนใหญ่ มักจะมีโน้ตบุ๊ก หรือเน็ตบุ๊กประจำตัว เพราะเอาไว้โหลดไฟล์มีเดียตลอดจนแอพพลิเคชันเข้าไปในเครื่อง ล่าสุดมีบริษัทที่ชื่อว่า Phoenix Technologies ได้พัฒนา
แอพพลิเคชันเล็กๆ ขึ้นมาตัวหนึงที่อำนวยความสะดวกให้เจ้าของไอโฟนไม่ต้องป้อนพาสเวิร์ด เพื่อล็อกอิน ตลอดจนล็อกออฟให้โดยอัตโนมัติ อยากทราบใช่ไหมครับว่า เขาทำได้อย่างไร?
Phoenix Freeze เป็นโปรแกรม(ขณะนี้ยังอยู่ในเวอร์ชันทดสอบ)ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ สามารถใช้บลูทูธบนมือถือส่งคีย์ หรือพาสเวิร์ด
เพื่อล็อกอินเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเองได้ โดยไม่ต้องสัมผัสคีย์บอร์ดแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากจับคู่(pair)คอมพิวเตอร์กับมือถือเรียบร้อยแล้ว เมื่อผู้ใช้นำมือถือ หรือไอโฟนเข้ามาใกล้
เครื่องคอมพิวเตอร์ ระบบจะปลดล็อค ให้โดยอัตโนมัติ และในทางกลับกัน เมื่อผู้ใช้พกมือถือติดตัวแล้วเดินห่างออกไป คอมพิวเตอร์ก็จะกลับมาล็อกตัวเองโดยอัตโนมัติเช่นกัน
ฟังดูหลายคนอาจจะรู้สึกชอบ โดยเฉพาะผู้ใช้ที่ขี้เกียจพิมพ์พาสเวิร์ด ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ใช้แรงมากมายเลย และถ้าคุณมีข้อมูลสำคัญอยู่ในเครื่องจริงๆ การใช้ระบบล็อคด้วยลายนิ้วมือ(finger) นอก
จากจะให้ความปลอดภัยมากกว่าแล้ว มันยังสะดวกอีกด้วย เพราะในกรณีนี้เพียงแค่ผู้ไม่หวังดีแอบขโมยมือถือของคุณไป เขาก็สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญๆ ในเครื่องของคุณได้แล้ว สำหรับผู้
สนใจสามารถดาวน์โหลด Phoenix Freeze เวอร์ชันทดลองได้จากเว็บไซต์ คำแนะนำการใช้ซอฟต์แวร์ตัวนี้ก็มีแค่ว่า คุณต้องไม่ทำมือถือหาย หรือถูกขโมยนะครับ
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ พบกับพลอยและ Daily Buzz ข่าวเด่นประเด็นร้อนสุดๆ ที่ต้องนำมาบอกต่อ วันนี้พลอยมีข่าวน่ารักๆ ของตุ๊กตาที่ชื่อว่าลูมิ และหุ่นยนต์นางแบบสาวสวยมากฝากค่ะ
กระแสตุ๊กตาน่ารักอย่างบลายยังไม่ทันหายไป ตอนนี้ก็มีตุ๊กตาบ้องแบ๊วน่ารักที่ชื่อว่า ลูมิ(Lumi) เข้ามาอีกแล้วล่ะค่ะ ซึ่งน้องลูมิที่พลอยพูดถึงนี้เป็นตุ๊กตาตาโต แก้มป่อง น่าหยิกอย่าบอกใคร และยังมีสัญชาติเกาหลีอีกต่างหาก ถ้าอยากเห็นแล้วว่ารูปร่างหน้าตาเป็นยังไง ไปชมกันเลยดีกว่าค่ะ
จาก พี่พลอยเคยนำเสนอความน่ารักของบลายธ์ไปแล้ว วันนี้พลอยมีตุ๊กตาน้องใหม่ที่น่ารักไม่แพ้กันมาแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักกัน นั่นก็คือน้องลูมินั่นเอง ลูมิเป็นตุ๊กตาหน้าหวาน ขนตาดกดำ บ้องแบ๊วสุดๆ ผลิตโดยบริษัท Latidoll ในประเทศเกาหลีค่ะ มีให้เลือกหลายรุ่น หลายแบบ และเรายังสามารถตกแต่งได้ทั้งตัวไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า ทรงผม ถุงน่อง รองเท้า หมวก และเครื่องประดับอื่นๆ สามารถใส่ขนตาปลอม และยังเปลี่ยนสีที่ตาได้อีกด้วยนะคะ เหมือนตุ๊กตาบลายธ์เลยค่ะ แต่ที่พิเศษกว่าบลายธ์ก็คือว่า ลูมิเป็น 1 ในตุ๊กตาในซีรีส์ Yellow ของบริษัท Latidoll ผู้ผลิตค่ะ บริษัทนี้ได้ผลิตตุ๊กตาข้อต่อขึ้นมาทั้งหมด 6 ซีรี่ส์ด้วยกัน คือ White, Yellow, Orange, Green, Blue และ Red เรียงตามลำดับช่วงอายุของคนค่ะ
นอก จากนี้นะคะน้องลูมิยังมีแบบ Special Version เป็นผิวสีแทนด้วยนะคะ แต่พลอยว่าถ้าลูมิเกิดดังขึ้นมาเหมือนน้องบลายธ์เมื่อไหร่ ราคาต้องสูงขึ้นกว่านี้แน่นอนค่ะ แต่น่าเสียดายที่น้องลูมิยังไม่มีวางขายในประเทศไทย ใครที่อยากได้ก็หยอดกระปุกเก็บเงินรอไปก่อนนะคะ จะได้ไม่ต้องรบกวนเงินคุณพ่อคุณแม่
ทั้งหมดนี้ ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบสวยๆ จาก http://www.latidoll.com ด้วยค่ะ ข่าวต่อไปเป็นข่าวเกี่ยวกับหุ่นยนต์นางแบบค่ะ
หุ่นยนต์ Super Model
วันนี้ พลอยมีข่าวเกี่ยวกับหุ่นยนต์มาฝากอีกแล้วค่ะ แต่ไม่ใช่หุ่นยนต์น้องแมว หรือหุ่นยนต์รูปร่างปกติทั่วไปนะคะ แต่เป็นสาวน้อยหุ่นยนต์ที่สามารถเดินแฟชั่นอวดโฉมโชว์บนแคตวอล์คแข่งกับ บรรดานางแบบได้เลย ไปชมกันเลยค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะข่าวที่พลอยนำมาฝาก ในวันนี้ สวยๆ งามๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ คราวหน้าพลอยจะมีข่าวอะไรมาฝาก อย่าลืมติดตามชมกันนะคะ สำหรับวันนี้ก็หมดเวลาของพลอยและ Daily Buzz แล้ว พบกันใหม่ครั้งหน้า สวัสดีค่ะ
อีกไม่กี่สัปดาห์จากนี้ไป โลกจะได้รู้จักกับเสิร์ชเอ็นจิ้นตัวใหม่ ซึ่งทำงานด้วยซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถในการคำนวณเป็นเลิศชื่อว่า Wolfram Alpha โดย Stephen Wolfram ผู้พัฒนาเรียกมันว่าเป็น “Computational Knowledge engine” และไม่ว่าจะเรียกกันอย่างไรก็ตาม Wolfram Alpha ไม่ใช่เสิร์ชเอ็นจิ้นแบบ Google ที่พยายามค้นหาหน้าเว็บที่คาดว่าจะมีคำตอบให้กับผู้ใช้ แต่มันจะพยายามค้นหาคำตอบให้กับสิ่งที่คุณถามโดยตรง
Danny Sullivan ผู้เชี่ยวชาญเสิร์ชเอ็นจิ้นเรียกระบบค้นหาดังกล่าวว่า เครื่องมือค้นหาข้อเท็จจริง (fact search engine) หรือ เครื่องมือค้นหาคำตอบ (answer search engine) ซึ่งเป็นคำที่เขาเคยใช้เรียกบริการที่สามารถค้นหาคำตอบโดยตรงให้กับผู้ใช้ ได้ แทนที่จะพาไปยังเว็บเพจต่างๆ ที่อาจจะพบคำตอบให้เฉยๆ ดังเช่น เครื่องมือค้นหายอดฮิตอย่าง Google
ในงาน Webinar ที่จัดให้มีขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Wolfram ได้แสดงความสามารถอันน่าทึ่งของเสิร์ชตัวนี้ให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนา โดยคำตอบที่มันค้นหามาได้จะเกิดจากการนำข้อมูลที่ค้นพบมากมายบนเน็ตมาแสดงผล ลัพธ์ด้วยเว็บเพียงหน้าเดียว ซึ่งประกอบด้วยสถิติตัวเลข และกราฟ ตลอดจนข้อมูลที่เกี่ยวข้องล่าสุด ตัวอย่างสิ่งที่คุณสามารถถาม Wolfram Alpha ให้ช่วยค้นหาคำตอบได้ ก็จะมีตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่าง ลักษณะยีนของมนุษย์ น้ำหนักของโมเลกุลแคฟเฟอีน จำนวนของผู้ที่มีชื่อ Andrew ที่เกิดในปีที่เราระบุ หรือแม้แต่จำนวนของปลาที่จับได้ในฝรั่งเศษ สถิติของหุ้นไมโครซอฟท์ในช่วงทีผ่านมา ความสูงของภูเขาเอฟเวอเรสต์เปรียบเทียบกับความยาวของสะพานโกลเด้นเกต อย่างไรก็ตาม บริการWolfram Alpha กำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมการเปิดให้บริการในเดือนนี้ สำหรับผู้สนใจคงต้องติดตามความคืบหน้ากันต่อไป
ชิปเซตใหม่เน็ตบุ๊กเมิน XP
รายงานข่าวแจ้งว่า ยอดขายเน็ตบุ๊กของบริษัทผู้ผลิตชั้นนำอย่างเอเซอร์ อะซุส และเอชพีในช่วงไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้จะพลาดเป้าไปเล็กน้อย ซึ่งทางด้านผู้ผลิตโพรเซสเซอร์ยักษ์ใหญ่อย่างอินเทล ก็ได้เห็นแนวโน้มของยอดขายชิป Atom ที่ลดลงด้วยเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งบริษัทผู้ผลิตชิปและเน็ตบุ๊กคาดว่าจะสามารถดึงยอดขายที่ขาดไปกลับมาได้
เนื่องจากทางอินเทลได้ออกโพ รเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้นอย่าง Atom N280 1.6GHz โดยจะทำงานร่วมกับชิปเซตใหม่นั่นคือ Intel GN40 ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นก็คือ ความสามารถทางด้าน 3D ที่เพิ่มขึ้น และฮาร์ดแวร์การถอดรหัสวิดีโอ ทำให้เน็ตบุ๊กที่ใช้ชิปเซตใหม่นี้จะสามารถเล่นเกม และวิดีโอไฮเดฟฯตามที่ได้มีการรายงานข่าวให้ทราบไปแล้วก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ผู้บริโภคควรทราบก็คือ ระบบปฏิบัติการ Windows XP ที่ไปกับเน็ตบุ๊กทุกวันนี้จะไม่สามารถใช้ข้อได้เปรียบดังกล่าวได้ เนื่อง จากชิปเซต Intel GN40 จะมีการทำงานร่วมกับ DirectX 10 และ DirectX Video Acceleration 2.0 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่อยู่ใน Vista ไม่ใช่ Windows XP ทางผู้ผลิตกล่าวย้ำว่า คุณจำเป็นต้องใช้ Vista กับเน็ตบุ๊กจึงจะสามารถใช้คุณสมบัติดังกล่าวของชิปเซตได้ อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า เน็ตบุ๊กที่ใช้ชิปเซตใหม่นี้อาจจะมาพร้อมกับ Windows 7 Starter ก็ได้
ใครที่กำลังกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่แมกซีโก อย่าปล่อยให้ความกลัว ความอยากรู้ หรือความห่วงใยอาการผู้ติดเชื้อกลายเป็นแรงผลักให้คุณกดลิงก์หลอกลวงอย่าง เต็มใจ จนเป็นเหยื่อโอชะของนักสแปมเมอร์หรือผู้ส่งอีเมลขยะ ซึ่งพยายามหาผลประโยชน์ท่ามกลางเรื่องเดือดร้อนของคนอื่น ล่าสุดมีการพบอีเมลขยะที่ตั้งชื่อลวงว่านักร้องสาวใหญ่สุดเซ็กซี่อย่างมาดอน น่า ได้รับเชื้อไข้หวัดมฤตยูแล้ว
การประกาศเตือนภัยอีเมลขยะชื่อเรื่องหวัดหมู (Swine Flu) หรือไข้หวัดแม็กซิโกนั้นเกิดขึ้นที่เว็บบล็อก (Advert Labs Blog ในเครือ McAfee) เมื่อพิจารณาการเตือนภัยที่เกิดขึ้นพบว่าสแปมเมอร์ยังคงใช้วิธีล่อลวงเดิมๆ นั่นคือใช้เรื่องราวที่เป็นกระแสสังคมในขณะนั้นมาตั้งชื่อเมลเพื่อหวังจะล่อ ลวงให้เหยื่อเปิดไฟล์แนบไวรัส หรือแนบลิงก์เพื่อส่งเหยื่อเข้าสู่เว็บไซต์หลอกลวง ซึ่งล้วนทำให้คอมพิวเตอร์ของเหยื่อถูกควบคุมการทำงานโดยที่เจ้าของเครื่อง ไม่รู้ตัว เช่นการส่งต่ออีเมลขยะที่ใช้ข้อความลวงเรื่องไข้หวัดแม็กซิโกเป็นลูกโซ่ต่อ ไปเรื่อยๆ
เรื่อง นี้เดวิด มาร์คัส (David Marcus) ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ของแมคอาฟีให้ความเห็นว่า ข่าวคราวไข้หวัดใหญ่แม็กซิโกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นคลายความสับสนลงมาก แล้ว แต่เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ทำให้นักส่งอีเมลขยะฉวยโอกาสเพื่อขยายฐานเมลลวง โดยบริษัทสามารถตรวจจับอีเมลขยะซึ่งตั้งชื่อล่อลวงเกี่ยวกับสถานการณ์การ แพร่ระบาดได้มากมาย เมลบางฉบับถึงกับตั้งชื่อเรื่องว่า “Madonna caught swine flu!” หรือมาดอนนาติดเชื้อไข้หวัดแม็กซิโก รวมถึงการล่อลวงว่ามีข้อมูลสถิติการติดเชื้อในสหรัฐฯแนบมาในเมลด้วย เช่น “US swine flu statistics” และ “Swine flu in USA”
ก่อนหน้าเรื่องไข้หวัดแม็กซิโก สแปมเมอร์เคยฉวยประโยชน์จากช่วงเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ส่งอีเมลลวงที่ตั้งชื่อเมลในประเด็นทางการเมืองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคน ออนไลน์อเมริกัน โดยทั้งสองครั้งสามารถใช้คำแนะคำเดียวกันได้เลย นั่นคือไม่คลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์ๆจากอีเมลที่มีชื่อเรื่องน่าตกใจเกิน จริงลักษณะนี้ รวมถึงอัปเดทโปรแกรมรักษาความปลอดภัยในเครื่องอยู่เสมอ
ข่าว ลือเรื่องเครื่องเกมพกพาโมเดลใหม่จากโซนี่ คอมพิวเตอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ “เพลย์สเตชัน พอร์ตเทเบิล” (PSP)นั้น มีออกมาสร้างกระแสทุกๆเดือนให้เหล่าผู้คนที่ติดตาม Gadget ใหม่ๆได้ตื่นเต้นกันตลอด ล่าสุดก็มีข่าวลือใหม่ที่เพิ่มรายละเอียดความชัดเจนของ PSP ตัวใหม่ออกมาอีกแล้วกับ “PSP Go!” 2 ความจุ
เว็บไซต์ 1up.com เป็นผู้เปิดเผยข่าวลือใหม่ว่า บริษัทโซนี่จะเปิดตัวเครื่องเกมพกพาใหม่ในชื่อ “PSP Go!” ที่งานมหกรรมเกมโชว์ E3 ในเดือน มิ.ย. โดยเครื่องเกมรุ่นดังกล่าวจะออกมาวางขายช่วงปลายปีนี้ ญี่ปุ่นจะวางขายเดือน ก.ย. ขณะที่อเมริกาอาจจะออกมาราวๆปลายเดือน ต.ค. หรือไม่ก็ต้นเดือน พ.ย. พร้อมย้ำข่าวก่อนหน้านี้ว่า จะไม่มีไดร์ฟฟอร์แมต UMD บนเครื่องรุ่นนี้ แต่จะใช้หน่วยความจำแบบแฟลช เมมโมรี่ในตัวเครื่อง แยกออกเป็นรุ่นที่มีความจุ 8 GB และ 16 GB
ด้านซอฟต์แวร์เกมจะเปลี่ยนช่องทางการจำหน่ายมาในรูปแบบของการดาวน์ โหลดผ่านทางออนไลน์ (PSN) ทั้งเกมคลาสสิกว่า 100 เกม และเกมใหม่ๆด้วย โดยหนึ่งในเกมแม่เหล็กที่โซนี่วางหมากเอาไว้ว่าจะเป็นเกมกลุ่มแรกที่รองรับ เครื่องเกมใหม่ ก็คงเป็นเกมแข่งรถตระกูล GT เวอร์ชันพกกา”Gran Turismo Mobile” ที่มักเลื่อนการวางจำหน่ายมาตลอด
ข่าวลือยังยืนยันอีกว่า PSP โมเดลนี้จะมีหน้าจอแบบเลื่อนสไลด์ได้ ,ปุ่มd-pad และไม่มีแกนแอนนาล็อกเพิ่มขึ้นมาอีกตัวแต่อย่างใด รวมไปถึงขนาดของหน้าจอที่ 800×480 พิกเซล แบบทัชสกรีน พร้อมกับกล้องติดอยู่ด้านหลัง
ก่อนหน้านี้ มีการคาดเดากันต่างๆนานาว่า โซนี่จะเรียกเครื่องเกมโมเดลใหม่ว่า PSP 2 หรือ PSP-4000 แต่ทว่าแหล่งข่าวของ 1up อ้างว่า โซนี่จะไม่ใช่ชื่อดังกล่าวมาต่อท้าย ซึ่งพวกเขาได้ยินโค้ดเนมมาหลากหลายชื่อ (PSP Slide, PSP Flip, และ PSP Go!) แต่ความเป็นไปได้ที่โซนี่จะเลือกใช้ ดูเหมือนว่าจะเป็นแบรนด์ “Go!” มากกว่า (สอดรับกับอุปกรณ์เสริมที่ออกมาก่อนหน้านี้ อย่าง Go!View และ Go!Cam)
เปลี่ยนจากข่าวลือมาที่ข่าวจริงกันบ้าง ด้วยเครื่องเล่นเกมพกพาที่มีทั้งชื่อและรูปทรงละม้ายกับเครื่องเกมโซนี่ยัง ไงยังงั้น โดยใช้ชื่อว่า “PXP-900” แต่เจ้าเครื่องตัวนี้ มิได้ข้ามขั้นมาใช้เล่นเกมของ PSP แต่อย่างใด แต่มันใช้เล่นได้เพียงเกมเก่าย้อนยุคเท่านั้น อาทิ NES, Famicom, Gameboy, Gameboy Color, Super Famicom ,SEGA MegaDrive และบางเกมของ ROM 32-บิต
PXP-900
คุณสมบัติอื่นๆที่ติดตัวมาด้วย ก็มีอย่างจอขนาด 4.3 นิ้ว ,หน่วยความจำในตัว 2 GB,การฟังวิทยุ FM, เล่นไฟล์วิดีโอขนาด 320 x 240 ได้ที่เฟรมเรต 25 เฟรมต่อวินาที ,รองรับไฟล์ MP3-MP4-AVI-RM-RMVB-WMV-ASF-MPG-MPEG-MPE-DAT-MOV-DAT-WMA-APE-FLAC- AMR-AAC+,ดูภาพฟอร์แมต JPEG-GIF-BMP (ซูมได้),อ่านไฟล์ .txt ได้,ช่องเสียบสัญญาณออกจอทีวี,สลอต USB 2.0,หูฟัง 3.5mm,ไมค์,ลำโพง 23mW ,ปรับเสียง EQ ได้ 6 โหมด และกล้องในตัวด้วย
ทั้งนี้ ผู้ใช้สามารถเพิ่มความจุได้เป็น 4GB โดยมีเครื่อง 4 สีให้เลือก ดำ,ขาว,แดง และน้ำเงิน ใช้แบตเตอรี่ลิเธี่ยมแบบชาร์จได้ และมีเมนูเครื่องให้เลือกได้ทั้งภาษาจีนและอังกฤษ สนนราคาอยู่ที่ 89.99 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,200 บาท
รายงานข่าวล่าสุดอีกชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับ Windows 7 ซึ่งอาจจะเป็นข่าวที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากในงานประชุมเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัย Hack In The Box (HITB) ที่จัดขึ้นในดูไบเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ทีมวิจัยได้สาธิตการแฮคเข้าไปในระบบปฏิบัติการ Windows 7 ด้วยซอฟต์แวร์ที่พวกเขาพัฒนาขึ้น
ซอฟต์แวร์ดังกล่าวมีชื่อว่า VBootkit 2.0 พัฒนาโดย Vipin Kumar และ Nitin Kumar สามารถใช้ช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการ Windows 7 ผ่านเข้าไปควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ได้ในระหว่างที่กำลังบู๊ตเครื่อง ซึ่งการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ที่พบนี้จะไม่เหมือนกับวิธีทั่วไป เนื่องจากมันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ Windows 7 ไปเลยจนกว่าจะมีการเขียนทับ หรือติดตั้งโอเอสเข้าไปใหม่
ตัวอย่าง การแฮคเข้าไปในระบบของ Vista ด้วย vbootkit เวอร์ชันแรกที่สามารถทะลุทะลวงละเมิดสิทธิ์ปิดระบบรักษาความปลอดภัยบน เครื่องของเหยื่อได้
“ไม่มีทางแก้ไขได้ และมันก็แก้ไขไม่ได้ เนื่องจากเป็นปัญหาของการออกแบบ(windows7)” Vipin กล่าว อย่างไรก็ตาม การแฮคดังกล่าวจะไม่สามารถกระทำระยะไกลผ่านทางเครือข่ายได้ แฮคเกอร์ที่ใช้วิธีนี้จะต้องกระทำการที่เครื่องของเหยื่อเท่านั้น โปรแกรม VBootkit 2.0 มีขนาดแค่ 3 กิโลไบต์เท่านั้น โดยมันสามารถเปลี่ยนให้โหลดไฟล์ต่างๆ ตามที่ต้องการผ่านเข้าไปในหน่วยความจำระบบระหว่างที่มีการบู๊ต Windows 7 เนื่องจากมันไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆ บนฮาร์ดดิสก์ VBootkit 2.0 จึงถูกตรวจจับได้ยาก ดังนั้นการรีบู๊ตเครื่องก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้โปรแกรมอันตรายนี้โหลด โมดูลอื่นเข้าไปแทนโปรแกรมรักษาความปลอดภัยของเครื่อง เพื่อเปิดช่องให้แฮคเกอร์สามารถเข้าถึงจากบนเน็ต และทำการยกระดับสิทธิ์ในการเข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ ตลอดจนแก้ไขพาสเวิร์ด ค้นข้อมูล ตลอดจนแก้ไขพาสเวิร์ดเดิมให้กับผู้ใช้ โดยที่เหยื่อไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
สำหรับ VBootkit 2.0 เป็นเวอร์ชั่นสองของโปรแกรม โดยเวอร์ชั่นแรกได้นำออกสาธิตการเจาะระบบ Windows Vista เมื่อปี 2007 เพื่อเผยให้เห็นช่องโหว่ของระบบปฏิบัติการนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ทางไมโครซอฟท์ยังไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ ทั้งสิ้นต่อกรณีที่เกิดขึ้น
จาก Arip